“หญิงปริศนากับผ้าห่อศพ” โดย กฤตานนท์
“หญิงปริศนากับผ้าห่อศพ” โดย กฤตานนท์
“บางครั้งการมองกระจกก็ชวนผวา เพราะสิ่งที่สะท้อนกลับมาอาจไม่ได้มีแค่เรา”
สักเดือนก่อนมีโอกาสได้ไปอบรมและมีน้องๆ ในคลาสเดียวกันรู้จักกันโดยบังเอิญผ่านงานเขียน เขาคิดว่าผมเป็นพี่ป๋องรึเปล่าไม่ทราบ จัดแจงลากเก้าอี้มาซะชิดแล้วบอกว่า “ว่างมั้ยคะพี่ ลองมาฟังเรื่องของหนูบ้างสิ” ก็คิดในใจ อืม… ดีเหมือนกัน จะได้เอามาปันในพันทิปบ้าง เดี๋ยวเพื่อนๆ จะลืม ก็นั่งฟังเค้าเล่าฆ่าเวลาช่วงพักเบรค
เรื่องที่กำลังจะเล่าอาจไม่ได้น่ากลัวหวือหวาตาโบ๋สักเท่าไหร่ แต่ด้วยความใกล้ตัวของเนื้อหานี่ล่ะ พาให้เราตั้งใจฟังโดยไม่รู้ตัว เรื่องนี้มีอยู่ว่า…
พลอย (นามสมมติ) เล่าว่ามีเพื่อนสนิทอยู่ 3-4 คน สนิทกันตั้งแต่เรียนปี 1 เวลาเที่ยวไหนมักไปด้วยกันตลอด กลุ่มเพื่อนที่ว่าชื่อ ดล (ช) โอปอลล์ (ญ) และโต๊ด (?) แม้เรียนจบแยกย้ายกันทำงานตามทางของแต่ละคนก็ยังไปมาหาสู่กันเสมอ
อยู่มาวันหนึ่งดลบอกว่าไปเจอรถเก่งมือสองราคาถูก สภาพดีมาก คิดว่าจะซื้อมาใช้ พลอยกับเพื่อนก็บอกว่าเอามือหนึ่งเถอะ รถมือสองราคาถูก (ณ ตอนนั้น) ไม่จมน้ำมาก็ชนหนัก แต่ดลก็บอกว่ามือหนึ่งผ่อนไม่ไหว อยากได้คันนี้ พลอยจึงบอกให้จ้างช่างมาช่วยดู
พอถึงวันหยุดพลอยกับดลจึงแวะไปที่เต็นท์รถมือสอง รถคันนั้นเป็นรุ่นตลาดสีเงินไม่ติดฟิล์มกรองแสง (หรือติดแบบบางก็ไม่ทราบ) สภาพภายในภายนอกดูดีสมกับที่ดลบอก แต่ก็ปล่อยเป็นหน้าที่ของผู้ชำนาญดีกว่า และเมื่อช่างยืนยันว่ารถไม่เคยชนหนัก มีร่องรอยเล็กน้อยตรงกันชนท้ายเท่านั้น พลอยติดใจเล็กๆ ตามประสาสาวๆ ที่ชอบความละเมียดไม่นิยมของมีตำหนิ แต่ดลคนซื้อตัดสินใจเป็นหนี้ทันที
เมื่อมีพาหนะ ทริปเที่ยวมันก็งอกออกมาตามตามวิสัย วันหยุดถัดมาดลชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวจังหวัดหนึ่งแถบภาคเหนือตอนล่าง ช่วงขาไปก็ขับรถกินลมชมวิวตามรอยไปเรื่อย ถึงที่พักก็โพล้เพล้ พลอยจองบ้านหนึ่งหลังนอนรวมกัน คืนนั้นอากาศค่อนข้างเย็น ดลกับโต๊ดจึงสั่งชุดหมูกระทะมานั่งปิ้งกันอยู่ชานหน้าบ้านรับลมหนาว ระหว่างกินโต๊ดเหลือบไปเห็นว่าไฟรถกะพริบ จึงถามดลว่านั่งทับรีโมทรึเปล่า ดลก็ปฏิเสธบอกว่าวางกุญแจไว้ในบ้าน
นั่งกินไปอีกพัก ไฟรถกะพริบอีก โต๊ดจึงไล่ให้ดลไปดูว่าปิดประตูไม่แน่น ลืมกดรีโมท ฯลฯ รึเปล่า ดลก็เดินไปปิดประตูทุกบานแล้วกดรีโมทอีกครั้ง ช่วงที่ไฟสว่างวาบขึ้นมา โต๊ดเห็นเงาตะคุ่มๆ อยู่เบาะหลัง
“หือ? อีปอ แกลืมกระเป๋าหรือผ้าถุงไว้บนรถเปล่าวะ” โต๊ดพูดลอยๆ
โอปอลล์ก็บอกขนลงมาหมดแล้ว โต๊ดคิดว่าตาฝาดก็บอกไม่มีอะไร นั่งคุยกันต่อ สักพักดลบอกเบียร์หมดจะออกไปซื้อที่ร้านค้า ใครจะเอาอะไรมั้ย แต่สรุปทุกคนก็ไปด้วยกันหมดยกเว้นโต๊ดที่ขอนั่งรออยู่ที่บ้าน
“ดลเป็นคนขับ พลอยนั่งข้างคนขับ ส่วนโอปอลล์นั่งเบาะหลัง” เสียงใสเล่าให้ฟังอย่างนั้น…
ดลกลับรถ (นึกภาพจากหันเฉียงเข้าบ้าน เปลี่ยนเป็นท้ายเข้า) แล้วค่อยๆ ขับฝ่าความมืดออกไปช้าๆ โต๊ดก็ไม่ได้คิดอะไร จ้องมองท้ายรถตามประสา แต่ต้องคิ้วย่น ตาเบิก ลุกขึ้นไปเกาะระเบียงเพ่งดูอีกรอบ ทำไมเบาะหลังมีคนนั่ง 2 คน (วะ) ณ ตอนนั้นฝั่งโต๊ดทำได้แค่สงสัย แต่ฝั่ง ดล พลอย โอปอลล์ กลับเจออะไรที่ชวนอึ้งมากกว่า
รถขับไปตามถนนเล็กๆ ที่มืดและลมแรง บางช่วงสองข้างทางเป็นป่า (ไม่ถึงกับทึบ) พอเจอลมพัดแรงเข้าหน่อยก็จะมีเศษกิ่งไม้แห้งหล่นมาเป็นระยะ ทั้งสามคนจึงต้องช่วยกันดูทาง มองแสงไฟสาดบนถนนพร้อมกับลมที่หอบสารพัดสิ่งผ่านหน้าเป็นระยะ ก็คุยกันขำๆ ว่าแอบไปหาอะไรกินอร่อยๆ แล้วทิ้งโต๊ดเลยมั้ย ดันขี้เกียจไม่ยอมมาด้วยกัน
ทั้งคนขับยังไม่เชี่ยว ผลคือดลหักหลบไม่ทันเหยียบเข้ากลางสิ่งนั้นเสียงดัง กร๊อบ!
ทั้งสามคิดเหมือนกัน เหยียบอะไรวะ!?
ดลค่อยๆ ชะลอรถ ใจเสียว่าเหยียบอะไรเข้า เศษไม้? สุนัข? หรือแย่กว่านั้นอาจมีชาวบ้านถูกรถเฉี่ยวชนแล้วไอ้คนชนขับหนีทิ้งคนเจ็บไว้ จึงตัดสินใจหยุดรถ มองกระจกหลัง ส่วนพลอยกับโอปอลล์หันกลับไปดูด้วยตาตัวเอง
“คือตอนนั้นมันมืดมากค่ะพี่ แทบไม่มีแสงไฟเลย พวกเราก็ไม่กล้าลงไปดู” น้องเขาเล่าอย่างนั้น
ดลตัดสินใจถอยรถกลับไปเรื่อยๆ จนน่าจะถึงจุดที่เหยียบอะไรบางอย่างเมื่อสักครู่ แต่ถอยเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ดันมีแค่ความมืดที่รออยู่ ไม่มีผ้า… ไม่มีกิ่งไม้ใหญ่… มีแค่เศษใบไม้เล็กๆ เกลื่อนเต็มพื้น ดลค่อยใจชื้นขึ้นหน่อย
มันคงเป็นถุงปุ๋ยหรือถุงพลาสติกขนาดใหญ่ ข้างในอาจจะมีกระป๋องหรือกล่องอะไรอยู่ พอโดนเหยียบเลยได้ยินเสียง ‘กร๊อบ’ และตอนนี้คงโดนลมพัดปลิวไปไหนต่อไหน
ดลกับพลอยไม่ติดใจ ขับรถไปที่ร้านสะดวกซื้อ ดลแยกไปซื้อเบียร์ (ดื่มของมึนเมาไม่ควรขับนะครับ) ส่วนพลอยกับโอปอลล์ซื้อขนมขบเคี้ยว ระหว่างพลอยกำลังเลือกของโอปอลล์เดินเข้ามาคุย
“พลอย… เมื่อกี้แกเห็นเหมือนที่ชั้นเห็นเปล่า?”
“เห็นอะไรเหรอ?”
โอปอลล์เลยบอกว่าก็ตอนที่ดลขับรถเหยียบอะไรสักอย่างตรงทางโค้งไง พลอยก็บอกไม่มีอะไรนิ ว่าแล้วก็หยิบของใส่ตะกร้า แต่โอปอลล์ตามติดไม่ยอมให้เรื่องจบง่ายๆ
“ไม่เหมือนถุงปุ๋ยสักนิด ใหญ่กว่า หม่นกว่า แกไม่รู้สึกเหรอว่ามันเหมือนอะไร”
“เหมือนไร” พลอยถามกลับ
“ผ้าที่เค้าใช้ห่อศพ”
พลอยได้ยินก็ขนลุก ความจริงสิ่งที่เพื่อนพูดมันคล้ายกับที่พลอยคิด ถุงผ้าสีขาวเหมือนกับเวลาคนเสียชีวิตแล้วมีการเก็บกู้ศพ มัดหัวรวบท้ายหอบขึ้นรถยังไงยังงั้น… พลอยจุ๊ๆ บอกว่าอย่าพูดกลางคืนเค้าถือ ก็แค่ถุงปุ๋ยล่ะมั้ง โอปอลล์กลัวๆ อยู่ก็พยักรับหงึกๆ
หลังจากนั้นทั้งสามก็ขับรถมุ่งกลับที่พัก ตลอดทางโอปอลล์นั่งเงียบไม่พูดไม่จา จนดลสงสัยเลยถามว่าเป็นอะไร ปกติผีเจาะปากพูดไม่หยุด พลอยได้ยินก็ตีแขนเพื่อนชาย พูดเหมือนที่เคยพูดกับโอปอลล์ว่ากลางคืนเค้าถือ ห้ามพูดผีๆ สางๆ
“ตอนกลับถึงที่พัก พลอยเห็นโต๊ดยืนจ้องพวกเราอยู่ค่ะพี่” เสียงสั่นๆ เล่าต่อ
ทันทีที่จอดสนิททุกคนหิ้วของลงจากรถ โต๊ดก็เดินมาชะโงกดู พวงมาลัย กระจกมองหลัง เบาะหน้า เบาะหลัง ลานวางของหลังพนักพิง แต่ทุกอย่างปกติ จนดลสงสัยเลยถามว่ามีอะไร โต๊ดไม่พูดกับดลแต่ถามพลอยแทนว่าขาไปนั่งกันยังไง พลอยงงๆ ถามกลับแทนที่จะตอบ โต๊ดทำหน้าหงุดหงิดเดินไปถามโอปอลล์ต่อ
“ปอ เมื่อกี้ตอนขาไปพลอยมันข้ามไปนั่งเบาะหลังกับแกเปล่าวะ”
โอปอลล์ส่ายหน้า และบอกว่านั่งเบาะหลังคนเดียวทั้งไป-กลับ เห็นสีหน้าคนถามรวมถึงน้ำเสียงตระหนกหน่อยๆ เซ้นส์โอปอลล์เริ่มทำงาน… มีอะไรไม่ชอบมาพากลแล้วล่ะ
“อีโต๊ด ทำไมถามแบบนั้นวะ แกเห็นอะไรอีกแล้วเหรอ เห้ย ไม่ตลกนะ” โอปอลล์เริ่มกลัว
โต๊ดปิดปากเงียบชวนทุกคนกลับขึ้นบ้าน บ่นกับตัวเองว่า “ชักแหม่งๆ แล้วสิ” แต่ไม่ยอมพูดอะไรมากกว่านั้น
ลงท้ายนอกจากดลก็ไม่มีใครนั่งกินขนมและเครื่องดื่มที่อุตส่าห์ฝ่าลมหนาวไปซื้อ โต๊ดชวนพลอยกับโอปอลล์เข้าบ้าน ทิ้งดลจิบเบียร์รับลมยะเยือกอยู่คนเดียว
หลังอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยทั้งสามคนมานั่งคุยกันบนเตียง พลอยซึ่งสังเกตโต๊ดมาสักพักถามว่าเมื่อกี้ที่บอกชักแหม่งๆ มันหมายความว่ายังไง โต๊ดอึกอักแต่ก็พูดเลี่ยงๆ ว่าค่อยคุยพรุ่งนี้ แน่นอนว่าแรงอยากรู้เหลื่อมความกลัวนิดๆ พลอยกับโอปอลล์กดดันจนโต๊ดยอมพูด
“ปอ แกจำได้มั้ยที่ชั้นถามว่าขาไปแกนั่งเบาะหลังคนเดียวรึเปล่า” โอปอลล์พยักหน้าหงึกๆ โต๊ดเลยพูดต่อ “เอาสั้นๆ เลยนะ ไม่รู้ว่าตาฝาดรึเปล่า แต่ชั้นเห็นคนนั่งอยู่เบาะหลังสองคน”
พลอยกับโอปอลล์หันมองหน้ากันขนลุกซู่ โต๊ดเห็นเพื่อนกลัวเลยบอกว่า แต่คงตาฝาดนั่นล่ะแล้วชวนคุยเรื่องอื่น…
สามสาวนอนดูทีวี พูดคุยกันเรื่อยเปื่อยจนลืมเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้า สักประมาณ 4 ทุ่มเศษๆ ดลก็เดินเงียบๆ กลับเข้ามาในบ้าน ทิ้งตัวนั่งนิ่งบนโซฟาไม่พูดไม่จา โต๊ดเลยถามว่าเป็นอะไร เมาก็ไปอาบน้ำนอนสิ ดลหันมาพูดกับทุกคนว่า พรุ่งนี้ไปทำงานบุญที่วัดกัน แน่นอนทุกคนอยากไปอยู่แล้วและตกลงว่าจะออกไปวัดแต่เช้ามืดเพื่อให้ทันใส่บาตร เสร็จแล้วแวะหาอะไรกินให้เรียบร้อยค่อยกลับมาเก็บของที่บ้านพัก
หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันเข้านอน…
กลางดึกคืนเดียวกัน พลอยหลับๆ อยู่ก็สะดุ้งตื่นเห็นเงาตะคุ่มๆ ก็ตกใจ แต่ที่แท้คือโอปอลล์ซึ่งกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ข้างๆ เหมือนกำลังเงี่ยหูฟังอะไรสักอย่าง พลอยถามว่าทำอะไรอยู่ไม่หลับไม่นอน ได้ยินเสียงเพื่อนทักโอปอลล์สะดุ้งโหยง สีหน้าผวายังไงชอบกล โอปอลล์บอกให้พลอยเงียบ แล้วลองฟัง…
“พลอยกับเพื่อนได้ยินเสียงครืดดดดยาว เหมือนใครกำลังขูดอะไรสักอย่างอ่ะพี่”
ทั้งสองใจกล้า ชวนกันย่องไปแง้มผ้าม่านดู แต่นอกบ้านก็ไร้สิ่งผิดปกติ มีรถจอด มีแสงไฟสลัวๆ และเสียงที่ว่าก็เงียบไปแล้ว ตัดสินใจเปิดประตูออกไปดู ใช้มือถือแทนไฟฉาย ส่องกวาดไปทั่ว ถ้าเป็นหนังสยองขวัญมันต้องมีอะไรโผล่มา แต่เผอิญคืนนั้นไม่มี ทั้งสองจึงกลับเข้าไปนอนต่อ
เกือบตีห้า โต๊ดก็ลุกขึ้นมาปลุกทุกคน ดลคนชวนดูแฮงค์หน่อยๆ กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ตีห้าเศษ ดลบ่นว่าปวดหัวสงสัยดื่มหนักไปหน่อย โต๊ดจึงอาสาเป็นคนขับแทนไล่ดลไปนั่งข้างคนขับ พลอยกับโอปอลล์นั่งเบาะหลัง พอขึ้นรถ สตาร์ทเครื่องปุ๊บมีบางอย่างแปลกไป…
คือกระจกมองหลังมันบิดเหไปหมด โต๊ดจึงบ่นดลว่าขับรถภาษาอะไร กระจกมองหลังบิดแบบนี้ ดลก็บอกว่าไม่ได้ปรับอะไรเลย สงสัยตอนยกของลงถุงไปเกี่ยวโดนมั้ง แต่โต๊ดก็นึกขึ้นได้ว่า ตัวเองเข้ามาสำรวจรถเมื่อคืนหลังจากทุกคนหิ้วของออกไปแล้วนิและทุกอย่างปกติดี แล้วกระจกมองหลังมันบิดแบบนี้ได้ไง (วะ) ?
โต๊ดเอื้อมมือไปปรับกระจกอย่างหวาดๆ คิดในใจว่าอย่ามีอะไรสะท้อนกลับมานะ ชำเลืองมองช้าๆ ก็โล่งอกเพราะภาพที่สะท้อนกลับมาคือพลอยที่นั่งอยู่เบาะหลังนั่นล่ะ แต่ตอนที่กำลังถอนสายตาออกจากกระจกนี่สิ มีบางอย่างผิดปกติ คือพลอยนั่งตัวตรงคนเดียวอยู่กลางเบาะและจ้องหน้าโต๊ดแบบว่านิ่งมาก
จ้องอยู่นานจนโต๊ดแปลกใจต้องหันกลับไปถามว่าจ้องทำไม กำลังจะอ้าปากแต่ปรากฏว่าเห็นพลอยกับโอปอลล์นั่งหาวหัวเกยกันอยู่ ตัดใจหันกลับไปดูในกระจกอีกรอบ ภาพที่ปรากฏคือพลอยกับโอปอลล์นั่งหัวเกยกันอยู่
ทุกอย่างที่เล่าจนถึงบรรทัดนี้มีความบังเอิญคั่นอยู่เนอะ เพื่อนๆ คงคิดแบบนั้นใช่มั้ยครับ? ผมก็เหมือนกัน เพราะมันก้ำกึ่งมากและยังไม่มีช็อตชวนหวีดชัดๆ แม้แต่ครั้งเดียว
เอาล่ะครับ งั้นมาฟังในส่วนท้ายกันต่อ…
โต๊ดขับรถไปโดยใช้จีพีเอสเครื่องโตๆ นำทาง (ตอนนั้นสมาร์ทโฟนยังไม่มีสรรพคุณครอบจักรวาลแบบตอนนี้) จุดหมายปลายทางคือวัดแห่งหนึ่ง และต้องไปให้ทันใส่บาตรตอนเช้า สภาพอากาศเป็นแบบเดียวกับเมื่อคืน ลมหนาวโกรกตลอดเวลามาพร้อมใบไม้และกิ่งไม้แห้ง พลอยเริ่มสังเกตเห็นว่าโต๊ดชำเลืองกระจองมองหลังถี่มาก แต่ก็คิดว่าเพราะยังมืดอยู่
ระหว่างขับจีพีเอสบอกเส้นทางว่าอีกไม่กี่กิโลเมตรจะถึงวัดซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง ในตอนนั้นทุกคนในรถยกเว้นดลซึ่งนอนแฮงค์อยู่ เห็นอะไรสักอย่างพร้อมๆ กัน พลอยกับโอปอลล์เหมือนเห็นภาพเกือบรีเพลย์ ส่วนโต๊ดเห็นเป็นครั้งแรก…
ห่างออกไปหลายสิบเมตรใต้ต้นไม้ใหญ่ครึ้ม แสงไฟรถสาดไปเห็นอะไรบางอย่างพิงอยู่โคนต้น ลักษณะเป็นถุงผ้าดิบขนาดใหญ่ สีขาวหม่นที่คล้ายบรรจุอะไรบางอย่างอยู่ด้านในจนแน่น โต๊ดเห็นแบบนั้นก็ชะลอรถช้าลง เพ่งตามองพูดกับตัวว่า “นั่นอะไรวะ” แต่โอปอลล์บอกให้รีบขับไป โต๊ดงงๆ ถามว่าทำไม
อ่านต่อ – หญิงปริศนากับผ้าห่อศพ ตอนที่ 2 (จบ)