“หญิงปริศนากับผ้าห่อศพ” โดย กฤตานนท์ (ตอนที่ 2)

ความเดิมก่อนหน้า – หญิงปริศนากับผ้าห่อศพ ตอนที่ 1

โอปอลล์กระแทกเสียงใส่บอกให้เหยียบก็เหยียบเถอะน่า (ขืนชักช้าแกนั่นล่ะจะโดนเหยียบ) โต๊ดจำใจทำความเร็ว แต่พอเข้าไปใกล้ สิ่งนั้นมันก็ขยับ! ขยับ! และล้ม! กลิ้งๆ ตามพื้น แล้วไปหยุดขวางอยู่กลางถนนพอเหมาะพอเจาะ จังหวะเดียวกับที่รถกำลังขับผ่าน ผลคือโต๊ดทับ บางอย่าง เสียงดัง ‘กร๊อบ!’ รถส่ายไปมาแล้วไปจอดอยู่ข้างทางจนดลสะดุ้งตื่น

“เฮ้ย! ตะกี้ชั้นเหยียบอะไรวะ” โต๊ดร้องเสียงหลง จะเปิดประตูลงไปดูแต่พลอยกับโอปอลล์รีบห้าม

“เฮ้ยๆ โต๊ดอย่าลงไป” โต๊ดหันไปมองหน้าเพื่อน สงสัยว่าทำไม ไฉน ถ้าพวกแกบิดบังอะไรอยู่ถึงเวลาต้องเล่าแล้วป่ะ!?

สองสาวที่อยู่เบาะหลังบอกอย่าเพิ่งๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น รถจอดอยู่กับที่ท่ามกลางลมหนาว… จังหวะการ ‘เหยียบ’ ครั้งนี้ต่างจากเมื่อคืน เพราะดลขับเร็วกว่า รถจึงไถลไปไกลกว่า แต่ครั้งนี้ถุงผ้านั้นกองนิ่งอยู่ข้างหลังห่างไปไม่กี่เมตร

โอปอลล์เหลียวกลับไปดู ในความสลัวถุงผ้ายาวที่เหมือนกับศพถูกห่อกองนิ่งอยู่สักพัก จะด้วยลมหรืออะไรก็ไม่รู้ล่ะ มันก็กระตุก 2-3 ครั้ง แต่ก็เหลือจะพอเรียกเสียงกรี๊ดของโอปอลล์

“กรี๊ดด!”

“ดอก! แกจะกรี๊ดทำม้ายย” โต๊ดตกใจตะโกนลั่น

“ฉันเห็นถุงมันขยับ!”

แม่เจ้าประคุณ แม่ขนุนหนัง ลมหนาวหอบความสะพรึงมาด้วย…

โต๊ดตาค้าง มือกุมพวงมาลัยสั่นพับๆ คิดว่าสิ่งที่โอปอลล์พูดให้ฟังหลอนสุดแล้ว แต่เหลือบไปมองกระจกหลังยิ่งหลอนกว่า

คือถ้าเป็นหนังสยองขวัญต้องเห็นถุงผ้าลุกนั่ง หรือไม่ก็เห็นใครแปลกๆ แทรกอยู่เบาะหลัง แต่ที่โต๊ดเห็นคือพลอยนั่นล่ะ เพียงแต่ว่าเพื่อนสาวไม่ได้หันไปมองถุงหลังรถ แต่นั่งหน้าจ้องโต๊ดด้วยสายตาเย็นชา

ไม่รู้เป็นไงแต่ขนแขนลุกพรึ่บโดยพร้อมเพรียง โต๊ดรีบหันกลับไปดูเพื่อนด้วยตาตัวเอง แต่กลับเห็นทั้งสองสาวกุมเบาะหลังหันมองถุงผ้าปริศนาอยู่ด้วยท่าทางตื่นเต้น… พลอยไม่ได้มองโต๊ดเลย

คำถามคับอกโต๊ดจึงถามพลอยว่าเมื่อกี้นั่งจ้องหน้าทำไม พลอยก็งง… งงว่าเพื่อนพูดอะไรของมัน ยังไม่ทันได้ถามต่อดลก็บอกว่าให้รีบขับไปก่อน โต๊ดเหยียบมิดไมล์ไม่รอดูว่าถุงผ้ามันจะเด้งขึ้นมานั่งรึเปล่า

ถึงวัดแดดเช้าก็ฉายพอดี ระหว่างรอพระ ทั้งสี่ก็คุยกันอย่างตระหนก โต๊ดบอกว่าให้เล่ามาให้หมด โอปอลล์จึงเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนให้ฟังว่าพวกเธอไปเจออะไรมา โต๊ดหน้าเสีย บ่นยกใหญ่ สักพักพระเดินกลับเข้าวัด ทุกคนรีบใส่บาตรและหลวงพี่ก็ให้พร… แสงแดดกับภิกษุช่วยให้จิตใจแจ่มใสขึ้นได้จริงๆ

หลังจากนั้นโต๊ดจึงบอกหวาดๆ ว่า กรูจะไม่เหยียบจังหวัดนี้อีกแล้ว ผีดุอิ๊บอ๊าย จากนั้นจึงกลับมาขึ้นรถ โอปอลล์กับพลอยเดินตามกันมาติดๆ และก็เห็นบางอย่าง คือกระโปรงท้ายมีรอยขูดเป็นทางยาวขนาน 4 รอยเหมือนเล็บคน ทุกคนมามุงดูโต๊ดก็บ่นว่าใครนะมือบอนจริงๆ พลอยกับโอปอลล์หันไปมองหน้ากันแล้วกลืนน้ำลายเงียบๆ

เสร็จธุระจึงกลับมาเก็บของที่บ้านพักแล้วมุ่งกลับกรุงเทพฯ ทันที ระหว่างทางดลเงียบไม่พูดไม่จาจนพลอยสงสัยพยายามถาม แต่ดลก็ตอบด้วยคำพูดยอดฮิตว่า “ไม่มีอะไร” ทุกคนนั่งคิดถึงเรื่องที่เจอตลอดทาง เข้าเขตปริมณฑลก็เย็นๆ และบ้านโอปอลล์ก็อยู่แถวนั้นพอดี ทุกคนจึงแวะส่งโอปอลล์แล้วมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ

บ้านพลอยกับโต๊ดอยู่ใกล้ๆ กัน ดลจึงอาสาจะขับไปส่ง แต่พลอยเห็นว่าเริ่มค่ำแล้วอยากให้ดลรีบกลับบ้านดีกว่า จึงบอกให้ส่งข้างทางก็พอ เธอกับโต๊ดจะต่อแท็กซี่กลับบ้านเอง ดลจอดรถข้างทางเพื่อรอแท็กซี่เป็นเพื่อนสองสาว แล้วจู่ๆ ดลก็พูดขึ้นว่า เมื่อคืนตอนนั่งกินเบียร์อยู่คนเดียว เขาเห็นผู้หญิงนั่งอยู่ในรถ

พลอย โต๊ด สะดุ้งเฮือก ถามว่าทำไมเพิ่งมาบอกเอาตอนนี้ ดลก็บอกแค่ว่าสงสัยเพราะกินเบียร์หนักไปหน่อยอาจเห็นภาพหลอน แต่พอมาเจออะไรหลายๆ อย่างชักไม่แน่ใจ และเพื่อความสบายใจจึงชวนไปใส่บาตรนั่นล่ะ โต๊ดนิ่งไปสักพักแล้วบอกว่า “ไม่น่าใช่ที่จังหวัดนั้นแล้วล่ะ น่าจะเป็นที่รถแกมากกว่า”

พลอยกับโต๊ดเริ่มสำรวจทุกสิ่ง เริ่มจากเบาะหลังโล่งๆ ดูแม้กระทั่งใต้พรมรองเท้า ระหว่างนั้นโต๊ดไม่กล้าเหลือบไปมองกระจกอีกเลย ส่วนดลหยิบมือถือจะโทรหาใครบางคน แต่แบตหมด เลยหยิบนามบัตรเต็นท์รถ และขอยืมมือถือของพลอยแล้วโทรไปคุยกับเจ้าของเต็นท์ สอบถามว่ารถยังอยู่ในช่วงรับประกันใช่มั้ย พอดีมีปัญหาอยากคุยว่าสามารถขายหรือเปลี่ยนได้มั้ย

พลอยเดินอ้อมไปหลังรถ ดูรอยที่ถูกขูดแล้วเอามือทาบดูไซส์ไล่ๆ กับมือผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

สักพักแท็กซี่วิ่งมาจอดข้างๆ พลอยจึงบอกให้ดลรีบกลับบ้าน แล้วพรุ่งนี้เช้าไปเจอกันที่เต็นท์รถ ดลยิ้มๆ ทั้งสามก็แยกกันที่ตรงนั้น รถวิ่งตามกันมาไม่นาน ดลก็เตรียมตัวเลี้ยวขึ้นทางด่วน ส่วนพลอยกับเพื่อนไม่ได้ขึ้น

จังหวะนั้นเอง (กรุณานึกภาพตามนะครับ) รถดลที่กำลังขึ้นทางด่วนมันจะแหงนหน้าแล้วท้ายต่ำ แถมยังเป็นฟิล์มชนิดไม่เข้ม ทำให้พลอยกับโต๊ดเห็นทุกอย่างในห้องโดยสารค่อนข้างชัดเจน โต๊ดทักเป็นคนแรกว่า

“รถอีดลมีหมอนรองคอติดอยู่ตรงเบาะหลังด้วยเหรอ?”

พลอยมองตามทันที และเห็นเหมือนที่โต๊ดบอก คือมีอะไรไม่รู้ ลักษณะคล้ายหมอนรองคอสีขาวอยู่แถวๆ พนักพิงหัวของเบาะหลัง ในตอนนั้นรถดลยังชะลออยู่ทางลาด ส่วนแท็กซี่ขยับเข้าไปใกล้ทีละนิดตามทางราบ (แท็กซี่ไม่ได้ขึ้นทางด่วนนะครับ) ทั้งสองคนเริ่มเห็นชัดขึ้น หมอนสีขาวใบนั้นมีภาพสกรีนเป็นหน้าผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งพลอยกับโต๊ดค่อนข้างแน่ใจว่าบนรถไม่มีหมอนลักษณะนี้ (ก็เพิ่งจะไล่ดูเมื่อตะกี้)

และเมื่อแท็กซี่ขยับเข้าไปใกล้อีกนิด ความรู้สึกก้ำกึ่งตลอด 1 วัน 1 คืนถูกยืนยันด้วยภาพที่เห็น สิ่งนั้นไม่ใช่หมอนรองคอสกรีนหน้าผู้หญิง แต่เป็นผู้หญิงจริงๆ ถูกห่อด้วยผ้าสีขาว และผู้หญิงคนนั้นจ้องย้อนมาที่พลอยกับโต๊ด ทั้งสองคนสะดุ้งสุดตัว ไม่คิดว่าในชีวิตจะมีอะไรทำให้ขนตั้งทุกเส้นได้มากกว่านี้อีกแล้ว เห็นอยู่กับตาว่าดลมุ่งขึ้นทางด่วนทันทีไม่ได้จอดรับใคร แล้วผู้หญิงคนนั้นมาจากไหน!?

คล้ายรู้ว่าคนข้างล่างกำลังสงสัย ศีรษะผู้หญิงคนนั้นก็ค่อยๆ ผลุบหายไปหลังเบาะช้าๆ เสี้ยวนาทีนั้นเกิดหลายอย่างพร้อมๆ กัน

รถดลที่ติดบนทางด่วนเริ่มเคลื่อนที่

รถแท็กซี่ขับเลยไปจนมองไม่เห็นรถที่กำลังขึ้นทางด่วน

พลอยหยิบมือถือโทรหาดล

ปลายสายตอบกลับ… หมายเลขที่คุณเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้

เป็นสถานการณ์สะพรึงที่บีบบดหัวใจซะเหลือเกิน

พลอยบอกให้แท็กซี่จอดรถแล้ววิ่งย้อนมาดูทางขึ้นทางด่วน แต่รถดลก็หายลับไปแล้ว เท่านั้นไม่พอรถที่ติดข้างหลังก็เริ่มบีบแตรใส่แท็กซี่ จนพลอยต้องจำใจกลับขึ้นรถ ณ ตอนนั้นเหมือนจะมีให้เลือก 2 ทาง คือทิ้งแท็กซี่คันเก่าแล้วเรียกคันใหม่วิ่งตามขึ้นทางด่วน แต่ปัญหาคือตามไปก็ไม่รู้ว่าจะเจอดลรึเปล่านี่สิ หรือข้อ 2 ก็นั่งคันนี้ต่อไปแล้วรอดลติดต่อกลับมา เลือกทางไหนกันครับ?

ใช่แล้วครับมันไม่ใช่ละครหรือภาพยนตร์ พลอยเลือกทางที่ 2 วิ่งกลับมาขึ้นรถ

คำถามแรกที่โต๊ดถามคือ แกเห็นเหมือนฉันใช่มั้ย? หน้าซีดๆ ของพลอยพยักตอบ จากนั้นโต๊ดก็พูดรัวเป็นชุดว่ารถดลมีปัญหาแล้วล่ะ เจ้าของเก่าต้องไปชนใครตายหรือไม่ก็เคยมีคนตายบนรถ ลองคิดดูสิ เจอห่อผ้าขาวนอนขวางถนน 2 รอบ และหนักสุดคือครั้งสุดท้ายกลายเป็นภาพติดตาไม่มีลืม… ผู้หญิงห่มขาวคล้ายคนที่ถูกห่มด้วยผ้าห่อศพโผล่อยู่เบาะหลัง

“พลอยเคยเห็นในหนังนะพี่ แต่ของจริงคนละความรู้สึกเลย ติดตามาจนวันนี้”

พลอยโทรหาดลอีกรอบ เมื่อไม่มีคนรับจึงตัดสินใจให้แท็กซี่เปลี่ยนเส้นทางมุ่งไปบ้านดลแทน

เมื่อไปถึง ปรากฏว่าดลยังมาไม่กลับ พ่อกับแม่ดลก็ชวนให้เข้าไปนั่งรอในบ้าน พลอยก็อึกอักๆ ว่าจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังดีมั้ย กลัวผู้ใหญ่มองว่างมงาย แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจเล่าเรื่องที่เจอมาให้พ่อแม่ของดลฟัง

ฝ่ายคุณพ่อไม่ค่อยเชื่อ แต่คุณแม่หน้าซีดหายใจติดๆ ขัด พอสามีถามว่าเป็นอะไร ก็หันมาพูดเสียงเครือว่า มีอยู่วันหนึ่งช่วงค่ำๆ เคยเห็นผู้หญิงห่มขาวนั่งอยู่ในรถดลเหมือนกัน แต่คิดว่าตาฝาดเลยไม่ได้บอกใคร พ่อดลเริ่มหน้าเสีย พยายามบอกว่าใจเย็นๆ เดี๋ยวดลก็กลับ และบังเอิญดลโทรกลับหาพลอยพอดี พลอยโล่งอกถามรัวเป็นชุด

“ดลอยู่ไหน? ทำไมยังไม่กลับ? เรากับโต๊ดมารอแกที่บ้านตั้งนานแล้วนะ”

ดลเงียบไปพักจึงตอบเสียงตะกุกตะกัก

“พะ…พลอย คุยเป็นเพื่อนหน่อยดิ”

พลอยก็บอกว่าเดี๋ยวค่อยคุย บอกมาก่อนว่าอยู่ไหน รีบกลับบ้านด่วนมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง พ่อแม่ดลก็นั่งรออยู่ด้วยกันเนี่ย ดลเงียบไปสักพัก ก่อนตอบเสียงสั่นๆ ไม่ค่อยเป็นภาษา

“กะ…กำลังกลับ อย่าเพิ่งวางสายนะ คุยเป็นเพื่อนเราก่อน”

เซ้นส์พลอยก็เริ่มทำงาน… ผิดปกติ ผิดปกติมากๆ เสียงดลมันแปลกพิกล พลอยเลยบอกว่าไม่ต้องห่วงจะคุยเป็นเพื่อน ตอนนี้อยู่ไหน กำลังขับรถกลับบ้านใช่มั้ย? แต่คำตอบของดลทำเอาโทรศัพท์แทบร่วงหลุดมือ

“พะ…พลอย เราเหลือบมองกระจกหลัง 2-3 รอบ เหมือนเห็นใครก็ไม่รู้นั่งอยู่เบาะหลังว่ะ”

และนั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่พลอยได้ยิน และยังเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกับดล พลอยพยายามโทรหาแต่ติดต่อเพื่อนไม่ได้ แต่หลังจากนั้นไม่นานมีเจ้าหน้าที่ติดต่อมาว่า ดลประสบอุบัติเหตุรถคว่ำเสียชีวิตในคืนนั้น…

หลายวันต่อมา พลอย โต๊ด และโอปอลล์ ไปที่เต็นท์รถดังกล่าว และถามว่ารถคันที่ขายให้ดลมีประวัติยังไง เคยไปชนใครมารึเปล่า เพราะเห็นช่างที่จ้างให้ตรวจรถบอกว่ามีรอยนิดหน่อยตรงกันชนหลัง แต่เจ้าของเต็นท์ก็ไม่รู้ หรือรู้แต่ไม่ยอมบอกก็ไม่มีใครทราบ ทิ้งปริศนาไว้ให้พลอยกับเพื่อนๆ ขบคิดว่า ผู้หญิงคล้ายคนถูกห่อด้วยผ้าห่อศพคนนั้นเป็นใคร? รถคันดังกล่าวเคยเกิดอุบัติเหตุจริงหรือไม่? และไม่แน่ว่าทุกวันนี้รถคันนั้นอาจได้รับการซ่อมแซมและจอดอยู่ที่เต็นท์ไหนสักแห่งรอใครสักคนเป็นเจ้าของ…

สำหรับเรื่องนี้ บางคนอ่านไปอาจรู้สึกว่าไม่น่ากลัว แต่ความรู้สึกส่วนตัวยอมรับว่าหลอน เพราะหลังจากได้ฟังก็หวั่นๆ การมองกระจกรถไปพักใหญ่ กลัวว่าในความมืดตรงหลืบเบาะหลังจะมีใครที่เราไม่รู้จักนั่งจ้องหน้าเราอยู่รึเปล่า คงเพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวและสามารถเจอได้ทุกวันกระมัง เอาล่ะ หลังอ่านจบลองชำเลืองกระจกมองหลังดูนะครับ ว่ามีใครนั่งอยู่หรือไม่…

ราตรีสวัสดิ์ครับ

ขอขอบคุณที่มา – เรียงร้อยเรื่องเล่า ตอน หญิงปริศนากับผ้าห่อศพ

แฟนเพจเฟซบุ๊ก – กฤตานนท์

error: Content is protected !!