“นอนเรียงกันเต็มไปหมด..” รับศพพ่อสถาบันนิติเวช ปี 43
ตอนนั้นบ้านผมอยู่ใกล้ ๆ โรงพยาบาลตำรวจและคุณพ่อก่อนเสียก็มารักษาตัวที่นี่เสมอ ๆ พอคุณพ่อเสียที่โรงพยาบาลแห่งนี้ด้วยโรคทางอายุรกรรม ความที่คุณพ่อหย่าร้างกับคุณแม่และคุณแม่กับญาติ ๆ ก็อยู่ต่างจังหวัดหมด ผมซึ่งอยู่กับคุณพ่อแค่สองคนเหนื่อยมาก ๆ ไหนจะไปติดต่อวัด จัดแจงค่ารักษา แจ้งขอใบมรณบัตรที่เขตปทุมวัน ทำให้ศพของคุณพ่อถูกทางโรงพยาบาลตำรวจนำไปเก็บที่สถาบันนิติ
พ่ออยู่ที่นั่นตั้ง 2 วัน กว่าที่ผมกับคุณแม่และญาติ ๆ จะนำโลงมาบรรทุกศพไปวัดก็เป็นวันที่สามที่พ่อเสีย โดยทางเราให้ร้านขายโลง (เจ้าของร้านเป็นคุณพ่อของเพื่อน) มารับศพไปวัด
พ่อเพื่อนเจ้าของร้านโลงรู้จักสถาบันนิติดี วันที่ผมไปรับศพคุณพ่อคนมารับศพเยอะมาก ๆ รอคิวยาวมากเลย อย่างว่าที่นี่เป็นที่รวมศพไม่มีญาติและรถจากมูลนิธิต่าง ๆ ที่ไปเก็บศพมาจากทั่วกรุงเทพและปริมณฑล พ่อเพื่อนเห็นว่ารอนาน ท่านเลยพาผมเดินเข้าไปด้านใน อาศัยความรู้จักคุ้นเคยเลยติดต่อเจ้าหน้าที่ข้างในเพื่อขอรับศพก่อน
ท่านพาผมเข้าไปตอนราว 11.45 น. แล้วท่านก็ให้ผมเดินผ่านห้องพิธีการศพซึ่งเป็นสถานที่ที่ให้ญาตินำโลงมาบรรจุศพตรงจุดนี้ แต่พ่อเพื่อนพาเข้าไปด้านในเลย และภาพที่ผมเห็นคือ

ศพที่ถูกถอดเสื้อผ้าล่อนจ้อน ตัวแข็งทื่อ ถูกนำมาวางซ้อน ๆ กันในเตียงเข็น เตียงละ 2-3 ศพ ผู้หญิง ผู้ชาย วางซ้อน ๆ กันไป เพราะสถานที่คงคับแคบและไม่มีพื้นที่พอที่จะวางเตียงละศพ และเจ้าหน้าที่ที่ต้องถอดเสื้อผ้าและทำความสะอาดศพ ที่มีอยู่เป็นจำนวนหลายสิบศพ หรืออาจจะถึงหลักร้อยในแต่ละวัน
ผมเดินผ่านห้องทำงานนี้ไปด้วยความสยดสยองเหมือนในหนังสยองขวัญไม่มีผิด ในที่สุดพ่อเพื่อนก็ให้ผมมายืนรอด้านนอกอาคาร เป็นลานปูนโล่ง ๆ ขนาด 20×20 เมตร เป็นที่วางศพที่มูลนิธินำมาส่งใหม่ ๆ ห่อผ้าขาวมา เอามาถึงก็แกะผ้าขาวออก โชว์ศพให้นอนหงาย ตาลืมโพลงทุกศพ แบบศพที่มีเลือดเลอะเทอะก็วางตรงนี้เลย กองกับพื้นปูนไม่ต่ำกว่า 20 ศพ

คือพ่อเพื่อนท่านให้ผมยืนรอตรงลานนี้ แล้วท่านก็ขึ้นไปขอรับศพของคุณพ่อผมกับเจ้าหน้าที่บนอาคารใหญ่ 15 ชั้นที่อยู่ถัดไปอีกหลังหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่บอกว่า คุณพ่อผมเสียมา 2 วันกว่าแล้ว กลัวศพจะเน่าจึงนำไปแช่ในห้องเย็นบนอาคาร จะไปนำลงมาให้ ให้ผมยืนรอข้างนอก
พอพวกเขาขึ้นไปได้แค่ 2-3 นาทีก็ถึงเวลาพักเที่ยง พวกเจ้าหน้าที่ที่ทำงานกับศพก็เดินออกไปกินข้าวกลางวัน ไปกันหมดเลยนะ 7-8 คน แล้วผมก็ยืนรออยู่คนเดียว ผมมองบนพื้นปูน มีแต่ศพทั้งนั้น! มองไปในอาคารจะเจอศพเปลือยวางซ้อน ๆ กันบนเตียงเข็น ตัวแข็งทื่อเหมือนตุ๊กตาเพราะตายมาหลายวัน เส้นเอ็นคงตึงหมดแล้ว
ข้อสังเกตอย่างหนึ่งคือ ผู้หญิงจะไม่มีหน้าอก หน้าอกแฟบไปหมด ถ้าไม่สังเกตอวัยวะเพศก็คงนึกว่าเป็นผู้ชาย ผมมองดูจนกลัว แล้วเสียงแอร์เสียงเครื่องต่าง ๆ มันดับหมด เพราะคนไปพัก ข้างในก็เงียบ
หันมามองศพใหม่ ๆ ที่วางบนพื้นใกล้ ๆ คนแก่ตายแบบคนจรจัด นอนตาลืมโพง ตัวดำผอมลีบในชุดเสื้อผ้าเก่า ๆ มีผู้หญิงสาวคนหนึ่ง สวยครับ แบบคนเชื้อจีนเลย แต่ว่าถ้าคนเชื้อจีนตายผิวจะเหลือง คือขาวเหลือง ผมก็เลยได้รู้ในวันนั้นว่า พอคนขาวตายผิวจะเหลือง
ผู้หญิงสาวคนนี้อายุยังวัยรุ่น นอนตายเหมือนคนนอนหลับเลย ถ้าผิวไม่เหลืองก็ไม่รู้ว่าตาย (พอรับศพพ่อจะเสร็จ ผมเจอพี่สาวกับพี่เขยของเด็กคนนี้ ร้องไห้มาก ๆ เด็กสาวคนนี้กินยาฆ่ าตัวตาย ที่ผมรู้เพราะไปถามพ่อเพื่อนที่ท่านก็สังเกตเห็นศพนี้เช่นกัน)
ผมมองไปตรงศพเละ ๆ ที่กองอยู่กับพื้น ประเภทอุบัติเหตุ รถชนตาย แต่ละศพเต็มไปด้วยเลือด มองแล้วก็สยอง เลือดเขลอะเต็มไปหมด มองไปมองมาผมเริ่มจะไม่ไหวเลยแหงนหน้าขึ้นฟ้า นึกถึงเรื่องงานศพ คือพยายามไม่มองศพอีก พ่อเพื่อนก็ยังไม่มาสักที ไม่มีเก้าอี้ให้นั่ง ไม่รู้จะหลบไปทางไหน และอีกอย่างคือ อยากรับศพคุณพ่อไปวัดเร็ว ๆ ผมมารอคิวตั้งแต่เช้า คนเยอะ ถ้าผมหายไป เจ้าหน้าที่ก็อาจไม่ช่วยนำศพออก ต้องรอถึงตอนเย็นคงแย่
ผมรอจนถึง 12.30 น. เจ้าหน้าที่ก็เข็นร่างคุณพ่อออกมา ที่เขาให้ผมรอเพราะว่าจะให้ผมยืนยันว่าใช่พ่อของผมไหม เขากลัวเข็นมาผิดศพ คุณพ่อผมเหมือนคนนอนหลับ แบบหลับสนิทเลย ดูไม่เหมือนคนตายแม้แต่นิดเดียว ผมก็เอาเสื้อผ้าชุดโปรดสวมให้คุณพ่อและนำร่างท่านบรรจุโลง ผมก็ช่วยกันยกใส่ จุดธูปเชิญวิญญาณ และนั่งรถกระบะนำไปวัดต่อไป
วันนั้นเป็นวันแรกของการสวดพระอภิธรรมศพ กว่าจะเสร็จ ผมเหนื่อยมาก นอนตอนสี่ทุ่มกว่า ผมหลับไปก็ฝันว่ามีคนไม่รู้จักมาหามากมาย ทั้งชายหญิง มากหน้าหลายตา พวกเขาเข้ามาคุยมาทักทาย มันทำให้ผมนึกถึงศพที่วางกองไว้เต็ม ในความฝันผมถึงได้เห็นพวกเขาเยอะแยะเต็มไปหมด จนผมสะดุ้งตื่น
ผมฝันแบบนี้ 3 คืนติด ตอนช่วงงานศพคุณพ่อ ผมเอาไปเล่าให้คุณแม่ฟัง คุณแม่ก็นำไปปรึกษาพระท่าน ท่านก็รดน้ำมนต์ให้และบอกให้ผมทำบุญแผ่เมตตาเยอะ ๆ ผมเล่าให้ญาติผู้ใหญ่ฟัง เขาบอกว่าคนตายที่สถาบันตามมา พวกเขาอาจจะมาขอให้ช่วยทำบุญให้เขา
แต่ก็แปลกนะครับ พอรดน้ำมนต์แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ฝันเห็นอีกเลย ผมทำบุญแผ่เมตตาให้พวกเขาตามที่พระท่านบอก เพราะบางร่างก็เป็นศพไม่มีญาติ ไม่มีคนช่วยเขา ผมจึงหวังว่าเขาจะได้รับส่วนบุญนี้ไม่มากก็น้อย
ขอขอบคุณที่มา: เคยไปรับศพคุณพ่อที่สถาบันนิติ ปี 2543