กระทู้ผีพันทิป: สิ่งที่ตามมาหลังการทำแท้ง! (ตอนที่ ๒)
ความเดิม – ตามมาหลังทำแท้ง ตอนที่ ๑
พอพ้นงานวันเกิดคืนนั้นไป เช้าวันต่อมา พี่จ๋าก็ขอให้แนนไปวัดกับแกเพื่อไปทำบุญ ซึ่งมีพี่มดไปด้วย ก็พากันไปทำสังฆทาน ตอนแรกพี่จ๋าก็ชวนเราไปด้วย แต่เมื่อคืนวันเกิดพี่จ๋าเราแทบไม่ได้พักผ่อน เลยขอหยุดอยู่บ้าน
มาอีกวันก็มาทำงานตามปกติค่ะ ก็เจอหน้าพี่จ๋าทักทายตามปกติ แต่วันนี้แนนไม่มาเพราะเป็นวันหยุด พี่จ๋าก็ลากตัวเราเข้าไปเม้าท์เหมือนอย่างเคย
พี่จ๋า: นี่…พี่มีอะไรจะเล่าให้ฟัง เมื่อวานไปทำบุญเสร็จก็ไปต่อบ้านแม่ไอ้มด ไปถึงแม่มันที่เป็นร่างทรงทักไอ้แนนก่อนเลย…
เรา: เขาทักว่ายังไงพี่
พี่จ๋า: เขาบอกว่าเด็กคนนี้มันแรงมาก อยากเกิดแต่ไม่ได้เกิด มันไม่ได้ตามแค่แม่มันหรอก มันตามพ่อมันด้วย เดี๋ยวก็รู้เอง พี่ฟังแบบนี้ขนลุกเลยว่ะ!
เรา: แล้วเขาว่ายังไงต่อพี่
พี่จ๋า: เขาพูดกับอีแนนจบแล้วหันมองมาทางพี่ บอกว่ากรรมใดใครเป็นคนก่อต้องชดใช้นะ ทุกคนที่เกี่ยวข้อง…
พี่จ๋าพูดแล้วก็เหมือนแกจะเครียดๆ แกก็บอกว่า “ทำไมต้องเป็นพี่ด้วยวะ ไม่น่าเข้าไปยุ่งเลย”
เราฟังแบบนี้ก็ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน ได้แต่บอกว่าให้หมั่นกันพาไปทำบุญ เพราะเรื่องมันก็เกิดไปแล้ว
ทีนี้มาฟังในส่วนของแนนบ้างนะคะ
เราได้ยินมาจากพี่จ๋าว่าแนนได้เจอกับเอกอีกครั้ง แต่เอกดูไม่เหมือนเดิม หน้าตาหมองคล้ำเหมือนคนอดหลับอดนอน เอกมาถามแนนว่าแล้วลูกในท้องจะดูแลยังไง ซึ่งเอกมาถามในตอนที่มันสายไปแล้ว เพราะแนนได้เอาออกตั้งแต่เดือนก่อนแล้ว เอกรู้ถึงกับตกใจ! แล้วถามแนนว่าเรื่องจริงเหรอ แนนก็ไม่พูดอะไร เอกเลยบอกว่านอนไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าฝันหรือเปล่า เพราะมีเด็กมากระโดดบนหน้าอกหลายคืนจนนอนหลับไม่ได้
บางทีเอกเลิกงานกลับมาดึกๆ พอจะเข้าบ้านก็เห็นเงาเด็กตัวดำๆ ไปนั่งคุ้ยดินกินทรายอยู่ตรงทางเข้าหน้าบ้าน จนบางทีเอกต้องมอมเหล้าตัวเองเพื่อให้หลับไป แนนเล่าอีกว่าเอกมีอาการเดินหลังค่อมผิดปกติ ไม่มีบุคลิกของคนเดิม เลยถามเอกว่าหลังเป็นอะไร เอกบอกว่ามันหนักที่ข้างหลัง หนังมากตรงช่วงบ่า ยืนตรงๆ ไม่ได้
พอได้ยินเรื่องของแนนกับเอกผ่านปากพี่จ๋าที่เล่าให้ฟัง เรารู้สึกถึงคำว่าเวรกรรมได้เลย ใครทำอะไรกับใครไว้ เขาย่อมต้องจำและกลับมาเอาคืน
เรื่องราวดูเหมือนจะผ่านไปไม่มีอะไรเกิดขึ้น การทำงานของแนนและพี่จ๋าดูเป็นปกติเหมือนทุกวัน จนกระทั่งวันหนึ่งแนนมาเล่าให้เราฟังด้วยตัวเองว่า ตอนนี้เอกเดินไม่ได้ เหมือนจะเป็นโรคกระดูกสันหลังเสื่อมกดทับเส้นประสาทอะไรสักอย่างเราก็ไม่แน่ใจ ซึ่งแนนบอกว่าหรือนี่จะเป็นสิ่งที่ร่างทรงแม่ของพี่มดได้บอกเอาไว้ บางทีอาจจะเป็นดวงจิตของเด็กน้อยที่คอยตามราวีชีวิตของเอกให้วิบัติอย่างเช่นตอนนี้
แนนยังเล่าอีกว่า ตอนนี้แนนได้คบกับผู้ชายคนหนึ่ง เขาเป็นผู้ใหญ่กว่าและดูเหมือนจะพร้อมทุกอย่าง ไม่มีภาระติดพันใดๆ แกชื่อ พี่วุฒิ อายุห่างกับแนนหลายทศวรรษ เวลาที่พี่วุฒิคุยโทรศัพท์กับแนน พี่วุฒิมักจะได้ยินเสียงเด็กร้องผ่านเข้ามาในมือถือบ่อยๆ และมักจะถามแนนว่า ที่นั่นมีเด็กอยู่ด้วยเหรอ ร้องเสียงดังมาก
แนนรู้สึกกลัวทุกครั้ง แต่แนนก็รู้ซึ้งในความผิดของตนและหมั่นคอยไปทำบุญตลอดไม่ขาดสาย แนนเล่าอีกว่าเคยไปจัดธูปที่บ้านพี่จ๋าปักลงดินพร้อมกับร้องไห้ออกมา แล้วพูดในใจว่า ถ้าดวงวิญญาณหนูมีบุญมากพอ ขอให้มาเกิดกับแม่อีกในชาตินี้ หากครั้งนี้แม่มีลูกได้จะขอให้หนูได้มาเกิด มาอยู่ด้วยกัน
นี่คือสิ่งที่แนนเล่าให้ฟังจากปากแนนเอง ทุกวันนี้แนนมีลูกด้วยกันกับพี่วุฒิสองคนค่ะ คนโตนี่ดื้อมาก ดื้อรั้นสุดๆ และแนนเชื่อว่าคนโตคือลูกของแนนที่เสียไปจากการทำแท้งแล้วมาเกิดใหม่ สิ่งที่แนนได้ทำลงไปเขารู้สึกแย่ รู้สึกผิดมาตลอดนะคะ คอยทำบุญให้ตลอด บวชชีพราหมณ์ก็ทำ เหมือนแนนทำเพื่อไถ่บาปในสิ่งที่เคยผิดพลาดไป
เราเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากทำเรื่องผิดพลาดแบบนี้ ขออุทิศบุญกุศลให้กับหลานตัวน้อย ไม่รู้ว่าได้เกิดหรือยัง หรืออาจจะมาเกิดเป็นลูกชายคนโตของแนนในขณะนี้ก็ได้ กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง ไม่ช้าก็เร็ว ไม่วันนี้ก็วันหน้า ไม่ชาติหน้าก็ชาตินี้ ยังคงเชื่ออยู่เสมอว่าเวรกรรมมีจริง
ทีนี้เราจะเล่าในส่วนของพี่จ๋าบ้าง ว่าหลังจากนี้จะได้รับผลกรรมอย่างไร
พี่จ๋าเนี่ยดูเหมือนจะเป็นคนที่โดนมากสุด อย่างที่เล่าไปในตอนแรกว่า คนที่ข้องเกี่ยวกับการทำแท้งมักจะมีเหตุเป็นไปทุกราย บางคนอาจถึงขั้นเสียชีวิตเพราะไปยุ่งกับกรรมของผู้อื่น แต่สำหรับเรื่องของพี่จ๋านั้นไม่รู้ว่าหนักไหม เพราะแกก็เป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้การทำแท้งมันเกิดขึ้น
อันที่จริงพี่จ๋าเลือกที่จะปฏิเสธไปก็ได้ แต่กลับไปชักนำให้เขาเอาเด็กออก ด้วยการไปติดต่อให้คนรู้จักหาซื้อยาทำแท้งให้ นี่คือกรรมหนักที่ไม่ต่างจากตัวผู้ที่ทำแท้งเองสักเท่าไหร่ เริ่มเล่าเลยนะคะ
หลังจากเหตุการณ์ผ่านพ้นไปหนึ่งปี พี่จ๋าก็ได้ออกจากงาน ไปประกอบธุรกิจงานกลางคืน นั่นคือร้านอาหารเล็กๆ กึ่งร้านเหล้า ช่วงนั้นดูเหมือนแกจะปังไปเสียทุกเรื่อง บูมขั้นสุด ทั้งเงิน ทั้งงาน ชีวิตดูดีไปหมด แต่ตัวเราก็ยังทำงานที่เดิมนะคะ แต่ก็จะไปมาหาสู่แกตลอดในทุกครั้งที่มีเวลาว่าง
ช่วงนั้นเหมือนจะเป็นช่วงขาขึ้นของแกเลยทีเดียว มีแฟนเด็ก มีเงินออกรถกระบะ มีเงินเก็บมากกว่าตอนทำงานเป็นแค่ลูกจ้าง ดูเหมือนจะทำให้พี่จ๋าลืมเรื่องทุกอย่างที่มันเพิ่งผ่านไปได้แค่ปีเดียว ส่วนแนนก็ไปใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวของตัวเอง ซึ่งเราไม่ค่อยได้ติดต่อกันแล้ว อีกอย่างตัวเราไม่ค่อยสนิทกับแนนเท่าไหร่ จึงไม่ค่อยได้คุยกัน จะสนิทกับพี่จ๋ามากกว่า
ชีวิตพี่จ๋าดูดีไปหมด จนเมื่อกลางปี พ.ศ. ๒๕๖๐ พี่จ๋าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องที่ผิดกฎหมาย มีตำรวจมาล่อซื้อที่ร้านอาหารของแก ตำรวจยกตัวแกไปโรงพัก สุดท้ายขึ้นโรงขึ้นศาล ต่อสู้กันอย่างถึงที่สุด เงินเก็บในบัญชีที่ได้มาจากการประกอบธุรกิจร้านอาหาร (และแอบทำธุรกิจเถื่อนด้วย) ก็นำเอามาใช้จ้างทนายในศาล
แต่ในที่สุด จนแล้วจนรอดก็แพ้คดีความ เสียเงินเสียทอง ของทุกอย่างที่แกเคยมีทั้งบ้าน รถ ร้านอาหาร อุปกรณ์ สิ่งของทุกอย่างที่หามาแทบตายก็มลายหายไปกับตา บ้านโดนยึด แฟนเด็กทิ้งแล้วเอารถพี่จ๋าหนีไปอยู่กับคนใหม่ ร้านค้าก็ถูกพวกคนรู้จักมายกเค้ายกของ เอาไปเป็นของตัวเองกันหมด คนที่บ้านก็ไม่รับรู้ด้วยว่าพี่จ๋าโดนคดีความ ต้องติดคุกถึงห้าปี
เวลานั้นเป็นช่วงที่พี่จ๋ามีอายุครบเบญจเพส ๓๕ ปีบริบูรณ์พอดี ตอนนั้นพี่จ๋าหาใครช่วยไม่ได้ เอาแต่ร้องไห้ต่างๆ นานา ในเมื่อมันเป็นเรื่องของคดีความ เราก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่รู้จะช่วยยังไง จากคนที่เคยสร้างเนื้อสร้างตัวจนมีทุกอย่าง ทุกวันนี้พี่จ๋าต้องก้มหน้าชดใช้กรรมที่ทำไว้
ตอนช่วงแรกๆ ที่ยังอยู่ในขั้นตอนขึ้นโรงขึ้นศาล พี่จ๋าฝากคนข้างบ้านให้ช่วยดูแลบ้านให้ เพราะช่วงนั้นแกวิ่งเต้นเรื่องคดีความอยู่ แล้วตอนที่แกกลับเข้าบ้านเพื่อไปจัดการเรื่องเอกสาร คนข้างบ้านก็ออกมาคุยด้วย คำแรกที่เขาทักขึ้นมาคือ
“จ๋า…พี่เห็นเด็กนั่งอยู่หน้าบ้านเราทุกคืนเลย บางทีก็นั่งหยิบดินมาแปะที่ปากเหมือนกำลังกิน พอเดินออกมาดูก็ไม่เจอใคร ไม่รู้ว่าเด็กที่ไหน”
พี่จ๋าก็นิ่งๆ อึ้งไปสักพัก แล้วก็คุยตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สักพักคนตรงข้ามบ้านเดินมาคุยกับพี่จ๋า มาถามว่า
“บ้านนี้เลี้ยงกุมารเหรอ ตอนดึกๆ ผมเห็นเด็กนั่งห้อยขาบนขอบหน้าต่างชั้นสอง”
พี่จ๋าเริ่มไม่ไหวแล้ว แกรีบหาเอกสารแล้วรีบออกมาจากบ้านเลย
เชื่อไหมคะ ทุกวันนี้บ้านหลังนี้ก็ยังร้างอยู่ ปล่อยขายก็ไม่มีคนซื้อ สุดท้ายแพ้คดีความสู้ไม่ได้ แกก็ต้องติดคุกตามระเบียบเพราะทำผิดกฎหมาย และทำผิดกฎแห่งกรรม ในการเข้าไปล่วงละเมิดชีวิตผู้อื่น
เรื่องทั้งหมดนี้พี่จ๋าเป็นคนเล่า ตอนเราไปเยี่ยมแกในคุกนะคะ แกเล่าอีกว่าตอนนอนคุกได้สองสามวันแรก แกฝันถึงชายใส่ชุดขาวคนนั้นอีกแล้ว ในฝันชายแก่คนนั้นนั่งเอามือชันเข่าแล้วถือไม้เท้า ทำท่าทางองอาจใส่พี่จ๋า แต่ไม่พูดอะไร
เมื่อเราได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกขนลุกขนพอง เพราะเราจำได้ว่า หลังจากที่พี่จ๋าพาแนนไปทำแท้งได้ประมาณสองอาทิตย์ให้หลัง แกก็ฝันถึงชายแก่คนนี้เหมือนกันและพูดจาหมายจะเอาชีวิต
ทุกวันนี้เรายังสงสัยนะคะว่าชายแก่ชุดพราหมณ์คนนี้คือใคร เขามีความเกี่ยวข้องยังไงกับเด็กที่แนนทำแท้ง อันนี้คงต้องไปถามแนนแล้วล่ะว่าเจออะไรบ้างไหม แต่ชีวิตของแนนหลังจากนั้นเราก็ไม่ทราบความเป็นไปเลยนะคะ เพราะไม่ได้ติดต่อกันเลย ตอนนี้แนนเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่จ๋าติดคุกอยู่
เรื่องนี้สอนเราให้รู้ว่า กฎแห่งกรรมนั้นมีจริง มันจะย้อนกลับมาเล่นงานคุณทุกเมื่อที่มีโอกาส จงหมั่นสร้างแต่กรรมดีขณะที่ยังมีลมหายใจ สิ่งใดที่พลาดไปแล้วให้ถือเป็นบทเรียน ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ
ป.ล. ทั้งหมดนี้คือเรื่องจริงที่อยากนำมาถ่ายทอด เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ทุกท่านที่คิดจะเข้าไปก่อเวรกรรมในทุกรูปแบบ แม้จะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม…
ขอขอบคุณที่มา: พันทิปดอทคอม