ตาเชยกับยายช้อย | เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

บ้านทรงไทยโบราณที่ฉันเห็นอยู่เบื้องหน้านี้มันช่างน่ากลัวเสียจริง…

ฉันชื่อ พิม ย้ายมาอาศัยอยู่ข้างบ้านทรงไทยโบราณเพียงลำพัง ทุกครั้งที่ฉันมองไปที่บ้านทรงไทยหลังนั้นเหมือนมีอะไรบางอย่างจ้องมองมาที่ฉัน ทำให้ฉันรู้เสียวสันหลังขึ้นมาทันที

วันหยุดสุดสัปดาห์ฉันตื่นสายได้โดยที่ไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุกเหมือนวันทำงาน ช่างสบายเสียจริง วันนี้ฉันอยู่บ้านคิดว่าจะไม่ออกไปไหน

จนกระทั่งกลางวัน ฉันรดน้ำต้นไม้อยู่หลังบ้านก็มีเสียงตาแก่ ๆ คนหนึ่งเรียกฉัน ฉันหันไปดูและตกใจเล็กน้อยที่จู่ ๆ ก็มีคนแก่โผล่จากบ้านทรงไทยโบราณที่ดูน่ากลัว ตาคนนั้นชวนฉันคุยไม่หยุดถามต่าง ๆ นานา จนฉันคิดในใจว่า ตาคงชอบคุยมาก ๆ หรือตาแกอาจจะเหงาไม่มีเพื่อนคุย

ฉันจึงถามตาว่าอาศัยอยู่คนเดียวหรือเปล่า ตาตอบฉันว่าอยู่กับยายสองคน ส่วนลูกหลานนาน ๆ จะมาเยี่ยมสักครั้งหนึ่ง ฉันมองเข้าไปในบริเวณบ้านทรงไทยของตา และเหมือนตาจะรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ ก็ตอบขึ้นทันทีว่า

“ตากับยายแก่มากแล้ว จะจัดสวนให้สวยเหมือนสมัยก่อนก็ลำบาก ก็เลยปล่อยให้ต้นไม้ต้นหญ้ามันขึ้นรก นาน ๆ ทีลูกหลานมาเที่ยว พวกเขาก็จะช่วยกันทำความสะอาดให้”

ฉันถามตาว่ายายไม่อยู่บ้านเหรอ ไม่เห็นยายเลย ตาบอกกับฉันว่ายายอยู่ในบ้าน ฉันกับตาคุยกันนานหลายชั่วโมง จนในที่สุดก็ต่างคนต่างแยกย้าย และหลายวันผ่านไป ฉันกับตาก็เจอกันทักทายกันมากขึ้น ฉันเองก็ชอบคุยกับคนแก่และสงสารที่ลูกหลานนาน ๆ ถึงจะมาเยี่ยมแกสักครั้ง แกคงเหงาเป็นธรรมดา

จนกระทั่งฉันได้เจอกับยาย ยายดูเป็นคนใจดีเหมือนกับตา ฉันยกมือไหว้ยายทันที ยายคุยกับฉันว่าในที่สุดก็ได้เจอฉันเสียที ยายกับตามักเดินออกมาทักทายฉันเป็นประจำก่อนไปทำงาน และช่วงวันหยุดก็มักจะมานั่งคุยเล่นกับฉัน

จนมาวันหนึ่งฉันเดินไปตลาดหน้าปากซอย ฉันซื้อของกินมากมายและคิดว่าจะซื้อไปฝากตากับยายด้วย ป้าแม่ค้าคนหนึ่งที่พอรู้จักกัน เพราะฉันซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งช่วงเช้าก่อนไปทำงานประจำ แกถามว่าทำไมวันนี้ซื้อของเยอะแยะมากมาย เป็นผู้หญิงตัวเล็กแต่กินจุเหมือนกัน

ฉันก็เลยตอบป้าแม่ค้าไปว่าไม่ได้กินคนเดียวหรอก ซื้อไปฝากตายายที่อาศัยอยู่ข้างบ้าน หลังจากที่ฉันพูดจบ ป้าแม่ค้าก็ทำหน้างงทันที และเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่าง

“อ๋อ…ตาเชยน่ะเหรอ” ป้าแม่ค้าถาม

“ใช่ค่ะ”

“ตาเชยแกอยู่คนเดียว นาน ๆ ทีลูกหลานแกถึงจะมาเยี่ยมสักครั้ง ลูกหลานแกก็อยากพาไปอยู่ด้วยนะแต่แกไม่ยอมไป ตาเชยแกบอกว่าที่บ้านหลังนั้นเป็นความทรงจำที่ดีสำหรับแก ส่วนยายช้อยเมียแกน่ะตายไปตั้งหลายปีแล้วนะหนู”

“เอ่อ…” ฉันถึงกับพูดไม่ออกที่ป้าแกบอกมาแบบนั้น

“หนูบอกป้าว่าจะซื้อของไปฝากตากับยายเหรอ …หรือว่าหนูเห็นยายช้อย!”

ฉันเลยรีบตอบปฏิเสธไปทันที เพราะตอนนี้รู้สึกสับสน จับต้นชนปลายไม่ถูก

“เอ่อ…เปล่าจ้ะ ไม่เคยเห็นหรอกป้า ปกติก็คุยกับตาคนเดียวนั่นแหละ แกชอบออกมานั่งคุยกับหนู หนูคิดว่าแกอยู่กับยาย แต่หนูเองไม่กล้าถามก็ไม่คิดว่ายายแกจะเสียแล้ว ตาแกคงจะเหงาที่ต้องอยู่คนเดียว”

“โล่งอกไปที พูดซะป้าตกใจเลยนะ แม่หนูเอ้ยยยย”

ฉันรีบขอตัวกลับทันที เดินไปก็คิดไปจนกระทั่งถึงบ้าน ทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ในวันนั้นฉันไม่กล้าออกไปหลังบ้านเลยทีเดียว และตกเย็นของวันนั้นเอง ฉันเก็บเสื้อผ้าหลายชุดไปขออาศัยนอนบ้านเพื่อน และเล่าเรื่องราวที่เจอมาให้เพื่อนฟัง

แต่ถึงยังไงเสียฉันก็ต้องกลับบ้านตัวเองอยู่ดี หลังจากที่ไปขออาศัยอยู่กับเพื่อนหลายวัน

เย็นวันศุกร์หลังจากเลิกงานฉันก็รีบกลับบ้านทันที ฉันแอบมองข้ามรั้วไปยังบ้านตาเชยกับยายช้อย เห็นเป็นแสงไฟเล็ก ๆ ที่เปิดอยู่ และเห็นตาเชยเดินออกมานอกบ้านแล้วมองมายังบ้านฉัน นั่นยิ่งทำให้ฉันกลัวมากเข้าไปอีก ในคืนนั้นฉันเปิดไฟทั้งบ้านและแทบไม่ได้นอนเลยทีเดียวเพราะความกลัว

จนเช้าวันหยุดฉันก็ยังไม่กล้าออกไปหลังบ้านเพราะกลัวว่าจะต้องเจอตากับยาย กระทั่งหัวค่ำ ตาเชยเดินมาข้างรั้วและเรียกฉันหลายต่อหลายครั้ง

“แม่หนู ๆ เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายหรือเปล่า”

แล้วยายช้อยก็เดินมายืนอยู่ข้างหลังตาเชย และพูดประโยคหนึ่งที่ทำให้ฉันคิดได้และสงสารจับใจ นึกถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ตากับยายได้พูดได้สอนฉัน

“แม่หนูเขาคงรู้แล้ว ตาเอ้ยยย เขาคงกลัวที่จะมาเจอเราแล้วล่ะ แต่ยายก็ดีใจนะ ที่มีแม่หนูคนนั้นเป็นเพื่อนคุย ทำให้แกกับฉันไม่เหงา”

ฉันเดินออกไปด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เมื่อตาเชยกับยายช้อยเห็นฉันร้องไห้ก็รีบถามขึ้นมาทันทีว่าร้องไห้ทำไม ฉันบอกตากับยายว่าฉันเสียใจ และยอมรับว่ากลัวมากจริง ๆ ที่เจอสถานการณ์แบบนี้ เพราะยายช้อยไม่ใช่คนแต่เป็นผี แต่ก็คิดได้ว่าตากับยายคงไม่ทำอะไรฉันแน่นอน เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมาช่างเป็นเวลาที่พิเศษและฉันก็มีความสุขที่ได้เห็นตากับยายมีรอยยิ้ม

ยายตอบฉันด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า ยายไม่ทำร้ายใครหรอก ยายกับตาแค่เหงา คิดถึงลูกหลานและคิดว่าฉันเป็นเด็กดี น่ารักเหมือนกับลูกสาวของแก และยายแค่รอวันที่จะจากไปแต่ยังไม่ถึงเวลา เพราะยังเป็นห่วงตาที่ต้องอยู่เพียงลำพัง ยายไม่รู้ว่าทำไมฉันกับตาถึงเห็นยายได้ ทั้ง ๆ ที่ลูกหลานรวมถึงคนอื่น ๆ ก็มองไม่เห็น

และในเช้าวันหนึ่งที่ลูกหลานของตาเชยกับยายช้อยมาเยี่ยมแกเต็มบ้านไปหมด ฉันมองดูยายช่างดูมีความสุขถึงแม้ลูกหลานจะมองไม่เห็นแก ฉันกำลังเดินเข้าบ้าน ทันใดนั้นก็มีเสียงแว่วมาตามสายลมที่พัดผ่าน หอบเอาคำพูดของยายช้อยที่บอกกับฉันว่า

“ขอบใจนะ แม่หนู…”

ฉันหันไปดูอีกครั้ง ยายช้อยยิ้มให้ฉันอย่างอบอุ่นหัวใจ

เช้าวันถัดมา ตาเชยก็เดินมาบอกกับฉันว่ายายช้อยได้จากไปแล้วจริง ๆ และสักวันตาก็จะเดินทางไปพบกับยายช้อยอีกครั้ง น้ำตาของตาเชยไหลอาบแก้ม ฉันทำได้เพียงแค่พูดปลอบใจ

ผ่านไปหลายปี ฉันกับตาเชยก็พูดคุยกันเป็นประจำ แม้กระทั่งลูกหลานของตาเชยก็ฝากตาไว้กับฉันเพราะแกไม่ยอมย้ายไปอยู่ด้วย ฉันก็สัญญาว่าจะดูแลตาให้อย่างดี ในบางครั้งฉันก็เข้าไปบริเวณบ้านตา ช่วยตาทำสวน ทำความสะอาดบ้าน

และในที่สุด เวลาที่ตาเชยรอคอยก็มาถึง ฉันได้รับโทรศัพท์จากลูกสาวของตาเชยว่าตาเชยอยากพบฉันอีกสักครั้ง ฉันลางานทันทีและรีบไปหาตาเชยที่โรงพยาบาล ตาให้ฉันเข้าไปใกล้ ๆ และกระซิบข้างหนูฉันอย่างแผ่วเบาว่า…

“ยายช้อยจะมารับตาแล้วนะแม่หนูเอ้ย จากนี้ไปขอให้แม่หนูมีความสุขตลอดไป และขอบคุณที่ดูแลตาเป็นอย่างดีมาตลอด”

หลังจากนั้นตาก็สิ้นลมหายใจ ฉันก้าวถอยหลังออกมา ลูกหลานต่างกรูเข้าไปหาตาเชย และตอนนั้นเองที่ฉันได้พบยายช้อยอีกครั้ง ตากับยายหันมายิ้มให้กับฉันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ร่างของทั้งสองจะเลือนรางหายไปตลอดกาล

เรื่องโดย…หัวกลม

error: Content is protected !!