คุณไสยไล่ที่ – เรื่องเล่าสยองขวัญ
ผมอยู่บ้านหลังนี้มาตั้งแต่เกิด จะว่าไปแล้วแม่ผมก็เกิดที่นี่ ในเนื้อที่เกือบสองไร่ในจังหวัดหนึ่งทางภาคอีสาน เพราะคุณตาผมซื้อที่ดินผืนนี้ปลูกบ้านเมื่อสี่สิบปีที่แล้ว ตอนคุณยายตั้งท้องลูกคนแรกซึ่งก็คือแม่ผมนี่เอง เราอยู่กันมาอย่างสงบสุขเพราะเป็นครอบครัวที่ทุกคนรักกัน แม่ผมมีน้องชายคนเดียว และสองคนพี่น้องก็รักกันมาก
พอโตขึ้นมาหน่อย คุณตาก็แบ่งที่ดินออกเป็นสองส่วน ให้ลูกสาวกับลูกชายคนละครึ่ง แต่บอกว่าขอให้อยู่กันเป็นผืนเดียวกันตลอดไป แม่กับน้าติ๊กก็คิดเช่นกัน ใครจะขายหรือกั้นรั้วแยกล่ะครับ ในเมื่อที่นี่เป็นบ้านเกิดและเติบโตมาด้วยกัน พื้นที่ทุกตารางนิ้วล้วนมีประวัติลึกซึ้ง บ้านนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวที่ประทับใจ
วันเวลาผ่านไป แม่ผมแต่งงานก็มีผมกับน้อง ส่วนน้าติ๊กก็แต่งงานกับน้าเก๋ และมีลูกสาวคนเดียวชื่อแก้ม ซนไม่แพ้ผมเลยครับ แต่น่าแปลกตรงที่น้าเก๋ไม่ค่อยชอบให้แก้มมาเล่นกับผมและน้อง น้าเก๋ชอบฟ้องน้าติ๊กว่าผมกับน้องรังแกแก้ม เรื่องนี้ผมเคืองมาก ผมบอกเลยว่าน้าเก๋นิสัยไม่ดี ชอบใส่ความ ถึงแม้ว่าผมกับแก้มไม่ค่อยได้เล่นกัน แต่ผมก็รักน้องมาก
ตั้งแต่น้าเก๋มาอยู่ บ้านผมดูจะมีบรรยากาศแปลก ๆ มันเหมือนกับเริ่มมีความแตกแยก น้าติ๊กแกกลัวเมียครับ น้าเก๋จะว่าไปดูเผิน ๆ ก็เป็นผู้หญิงอ่อนหวานดีหรอก ใครเห็นใครก็ชอบ แต่ผมไม่ชอบแววตาเธอเลย ปากเธอยิ้ม แต่นัยน์ตาเธอจิกยังไงพิกล
บางทีเธอก็ขี้น้อยใจ บางทีแม่กับคุณยายแซวเธอเล่น แทนที่จะหัวเราะเธอกลับบึ้งตึง แล้วไปอาละวาดใส่สามีเธอว่าไม่รู้จักปกป้องเมีย ปล่อยให้พี่สาวกับแม่เยาะเย้ยถากถางอยู่ได้
นิสัยและการกระทำของน้าเก๋ทำให้พวกเรารู้สึกหวานอมขมกลืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่เธอแสดงท่าทีอยากจะกั้นรั้ว อยากแบ่งบ้านให้ชัดเจนไปเลย คือบ้านหลังใหญ่น่ะค่อนมาทางที่ดินส่วนของแม่ผม ที่ดินของน้าติ๊กจึงเป็นสนาม เรือนคนใช้และสวน
คนใช้ของน้าเก๋แอบเป็นพรายกระซิบ เอาความมาเล่าให้เราฟังว่า น้าเก๋ชอบพูดเรื่องสมบัติของน้าติ๊กกับพ่อแม่ของเธอ และเห็นว่าพวกผมเป็นก้างขวางคอที่คอยขัดขวางสิ่งที่เธอต้องการ
นิสัยอย่างหนึ่งของน้าเก๋คือ ชอบเรื่องงมงาย ประเภทคนทรง เธอเคยพาคนทรงมาดูบ้านผม สงสัยอยากรู้ว่าสมบัติในที่นี้จะตกเป็นของเธอเมื่อไหร่ และมีวิธีไหนที่จะชนะพวกผมได้ในเร็ววัน ผมพูดอย่างนี้เพราะมันมีเรื่องน่ะสิครับ มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในบ้านผมอย่างน่าสยดสยอง!
คืนหนึ่งผมจำได้แม่นว่าเป็นวันเสาร์ ผมมักจะนอนดึก หรือไม่ก็อยู่จนเช้า ชอบฟังเพลงที่ระเบียงห้องนอน ซึ่งมองลงไปจะเห็นรั้วหน้าบ้าน
ท่ามกลางแสงไฟถนน ซึ่งมองเห็นทุกอย่างบริเวณนั้นชัดเจนมาก ผมเห็นเงาดำ ๆ ร่างหนึ่งเกาะบนรั้ว ทีแรกก็ใจหายเพราะนึกว่าขโมย แต่ไม่ใช่ครับ มันเป็นร่างงอก่องอขิง ดำเกรียม หัวโล้น ผอมแห้งเหมือนศพตายซาก มันไต่รั้วบ้านผมราวกับตุ๊กแก ท่าทางมันทรมานและทุรนทุราย
ผมขยี้ตา แต่มันก็ยังอยู่! ผมกลัวมากเพราะรู้ว่าผีหลอก รีบหนีเข้าห้องแล้วสวดมนต์เป็นการใหญ่
รุ่งเช้าผมเล่าให้แม่กับคุณยายฟัง คุณยายบอกว่าตอนกลางคืนก็ฝันประหลาด ฝันเห็นชายร่างดำเกรียม พิกลพิการ เดินพนมมือขอให้ปล่อยเขาออกจากบ้านนี้ที เขามาอยู่ผิดที่และทรมานเหลือเกิน น้าเก๋ซึ่งได้ยินเราคุยเรื่องนี้ถึงกับหน้าถอดสี ปากคอสั่น คุณยายสะกิดให้แม่ดูอากัปกิริยานั้น
คุณยายดูไม่ผิดหรอกครับ คนใช้น้าเก๋แอบมาเล่าให้ฟังว่า น้าเก๋ให้หมอที่ทำคุณไสย ทำพิธีบางอย่างให้คนบ้านนี้มีอันเป็นไป อาจจะเจ็บป่วยถึงตาย หรือทะเลาะจนแตกแยกกัน สิ่งของอย่างหนึ่งที่หมอเสน่ห์ให้เอาเข้ามาไว้ในบ้านผมคือ ฝาบาตรแตกกับกระดูกผีตายโหง! ที่คนใช้รู้ก็เพราะน้าเก๋เล่าให้แม่ตัวเองฟังและเธอได้ยินเข้า
ในที่สุดเราก็พบฝาบาตรแตกกับเศษกระดูกและเศษผมในห่อผ้าขาวเล็ก ๆ ที่ริมรั้ว น้าเก๋ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ คุณยายให้คนสวนนำออกไปทิ้ง และนิมนต์พระมาทำสังฆทาน คุณยายเองไม่ได้โทษน้าเก๋เพราะไม่มีหลักฐาน แต่พูดเปรย ๆ ว่าใครทำก็ให้มันไปเข้าตัวคนนั้น น้าเก๋หน้าซีดเผือดบอกบุญไม่รับ เธอคงกลัวสิ่งอัปมงคลย้อนกลับเข้าตัว
ทุกวันนี้เรายังอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมครับ ส่วนน้าเก๋นับวันยิ่งซูบ ผอมเกร็ง หน้าตาดำคล้ำ นัยน์ตาดูล่อกแล่กเหมือนคนประสาทไม่ดี ผมคิดว่านี่คือผลจากการเล่นของ ทำคุณไสย สุดท้ายมันก็ย้อนกลับเข้าตัวเองอย่างที่คุณยายว่าจริง ๆ
เรื่องราวก็มีประมาณนี้ครับ