“กูอยู่ของกูดีๆ” | เรื่องเล่าสยองขวัญ

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดลำปางเมื่อห้าปีที่ผ่านมา คุณเป้นั้นมีอาชีพซื้อขายพระเครื่องและมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งชื่อว่าชัย

มีอยู่วันหนึ่ง ชัยได้ชวนคุณเป้ไปเที่ยวที่จังหวัดลำปาง เพราะว่าชัยมีเพื่อนอยู่ที่นั่น พอไปถึงลำปาง คุณเป้ก็ได้ที่พักเป็นโรงแรมอยู่ในตัวเมืองลำปาง ห้องพักที่คุณเป้ได้นั้นอยู่ชั้นห้า แล้วชัยก็โทรหาเพื่อนที่อยู่เมืองยาว อำเภอห้างฉัตร บอกว่าตอนบ่ายโมงครึ่งเดี๋ยวไปหา แล้วเอาพระมาดูกัน

พอถึงเวลาคุณเป้และชัยก็ไปขับรถไปหาเพื่อนของชัย ในตอนที่ดูพระกันนั้นก็มีดื่มกันบ้างนิดหน่อย ชัยกับเพื่อนก็คุยกันสนุกตามประสาเพื่อน พอตกเย็นก่อนจะกลับ เพื่อนของชัยถามว่า มากันสองคนเหรอ ชัยก็บอกว่าใช่ เพื่อนของชัยก็บอกต่อว่า หาคนไปนอนเป็นเพื่อนให้เอาไหม คุณเป้บอกว่าไม่เอา และพูดติดตลกไปว่า ผมเป็นคนรักครอบครัว แต่ชัยนั้นบอกว่า เอามาเลย และก็บอกว่าอยู่โรงแรมนี้ ห้องนี้ พูดจบคุณเป้และชัยก็เดินทางกลับโรงแรมที่พัก

เส้นทางกลับออกจากเมืองยาวนั้นจะเป็นถนนลาดยาง มีต้นไม้เต็มไปหมดทั้งสองข้างทาง ระหว่างทางกลับชัยก็ขับรถไปจอดข้างทางแล้วบอกคุณเป้ว่าลืมเข้าห้องน้ำ ขอแวะลงไปฉี่หน่อย ชัยและคุณเป้ก็ลงจากรถเดินไปฉี่ ชัยเดินตรงไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง พอคุณเป้เห็นก็ทักชัยว่า

“เฮ้ย! นั่นมันต้นตะเคียน ไปทางอื่น อย่าไปฉี่ตรงนั้นเดี๋ยวจะซวย”

และบริเวณรอบๆ ต้นตะเคียนนั้นเป็นพื้นดินที่เรียบ เหมือนกับว่ามีคนทำความสะอาด คุณเป้ก็คิดว่าต้นตะเคียนต้นนี้น่าจะมีผีสางนางไม้สิงสถิตอยู่ แต่ชัยก็ไม่ฟัง ผีอะไร ไม่สนใจ พอชัยฉี่เสร็จ ก็เรียกคุณเป้

“เฮ้ยเป้! ดูนี่…” ปรากฏว่า ชัยนั้นหยิบมีดหมอเล่มหนึ่งที่ชัยพกติดตัวไว้ และชัยก็พูดว่า “มึงนี่หนักละ กลัวต้นไม้ กลัวผีสางนางไม้ไปได้ ลองดูสิ ผีตะเคียนจะแน่สักแค่ไหน!”

พูดจบชัยก็ท่องคาถาอะไรสักอย่าง แล้วก็เอามีดหมอปักไปที่ต้นตะเคียนต้นนั้น คุณเป้ก็บอกชัยไปว่า

“มึงหนักละนะเนี่ย รีบไปเลย!”

แล้วชัยก็ชักมีดหมอกลับมาเก็บใส่ไว้ในกระเป๋าเป้ แล้วเดินไปที่รถ ส่วนคุณเป้ก็ยกมือไหว้ต้นตะเคียน แล้วก็พูดว่า

“ถ้าเกิดมีอะไรที่ล่วงเกินไป ผมไม่เกี่ยว เพื่อนผมคนเดียว”

พอกลับมาถึงโรงแรม คุณเป้และชัยก็นอนดูทีวีอยู่บนห้อง พอเวลาประมาณสองทุ่ม ชัยก็บ่นว่าร้อนและก็เดินเข้าไปอาบน้ำ ระหว่างที่ชัยอาบน้ำก็มีโทรศัพท์โทรขึ้นมา คุณเป้ก็เป็นคนรับ ปลายสายพูดว่า

“ฮัลโหล จากรีเซฟชั่นนะคะ ไม่ทราบว่าคุณวิชัยอยู่ห้องไหมคะ พอดีมีแขกมารอพบอยู่ที่หน้าโรงแรมค่ะ”

คุณเป้ก็คิดว่าสงสัยจะเป็นเด็กที่เพื่อนของชัยเตรียมไว้ให้ และก่อนหน้านี้ชัยก็เปิดห้องไว้อีกหนึ่งห้องอยู่ที่ชั้นสาม พอชัยอาบน้ำเสร็จ คุณเป้ก็บอกกับชัยว่ารีเซฟชั่นโทรมา แต่เขาบอกว่าเขาไม่ได้อยู่ที่หน้าฟรอนต์นะ เขารออยู่ตรงลานจอดรถหน้าโรงแรม

ชัยใส่เสื้อผ้าแล้วรีบลงไป แต่ก่อนจะก้าวออกจากห้อง ชัยก็พูดกับคุณเป้ว่า “นอนดีๆ ระวังผีหลอกนะเว้ย!” แล้วก็เดินออกจากห้องไป

คุณเป้ก็นั่งดูทีวีไปเรื่อย ผ่านไปประมาณยี่สิบนาที ก็มีโทรศัพท์โทรขึ้นมา บอกว่า

“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณวิชัยอยู่ไหมคะ พอดีมีแขกมาหาค่ะ” คุณเป้ก็บอกกับรีเซฟชั่นว่า “เมื่อกี้พี่ก็โทรขึ้นมาแล้วรอบนึงไม่ใช่เหรอครับ” แต่รีเซฟชั่นตอบกลับมาว่า “ไม่ได้โทรไปนะคะ พนักงานที่หน้าฟรอนต์ตอนนี้ก็มีดิฉันอยู่แค่คนเดียว”

คุณเป้ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกใจคอไม่ดีเลยรีบโทรหาชัย แต่ด้วยความรีบของชัยทำให้เขาลืมหยิบโทรศัพท์ไปด้วย รวมถึงพระเครื่องของชัยก็ไม่ได้ใส่ไปด้วย หยิบแค่กุญแจห้องไปเท่านั้น คุณเป้ก็เลยตัดสินใจเดินลงไปที่ห้องของชัย ซึ่งคุณเป้จำห้องได้ว่าชัยเปิดห้อง 305 ไว้

พอถึงหน้าห้อง 305 คุณเป้ก็เคาะประตู แต่ก็เงียบ เคาะครั้งที่สอง ก็เงียบ คุณเป้ก็เอาหูแนบฟังตรงประตูก็ได้ยินเสียงทีวี นั่นแสดงว่าน่าจะมีคนอยู่ในห้อง คุณเป้เลยลองเคาะประตูอีกที แต่ก็เงียบเหมือนเดิม

คุณเป้ก็เลยเดินลงไปที่หน้าฟรอนต์ ถามกับรีเซฟชั่นว่า “พี่ครับ เพื่อนผมได้ออกไปข้างนอกไหมครับ” รีเซฟชั่นก็บอกว่า “ไม่มีนะคะ มีแค่น้องผู้หญิงคนนี้นั่งรออยู่” คุณเป้ก็หันไปก็เจอน้องเขานั่งรออยู่จริงๆ คุณเป้เลยถามรีเซฟชั่นว่า “พี่มีกุญแจสำรองห้อง 305 ไหม ผมรบกวนช่วยขึ้นไปเปิดห้องนี้ให้หน่อยสิ”

รีเซฟชั่นก็เดินนำขึ้นไปเปิดให้ พอเปิดประตูออก คุณเป้ก็เห็นชัยนอนตาค้าง น้ำลายฟูมปากอยู่บนเตียง คุณเป้ตกใจทำอะไรไม่ถูก เลยหยิบพระในคอคล้องให้ชัยก่อน แล้วก็แบกเพื่อนลงมาข้างล่างจนมาเจอ รปภ. ก็บอกให้เขาช่วยพาไปส่งโรงพยาบาลหน่อย พี่เขาจึงรีบพาไป

พอถึงโรงพยาบาล หมอก็พาไปที่ห้องฉุกเฉิน สักพักหมอก็เดินออกมาบอกว่า เพื่อนไม่เป็นอะไรมาก น่าจะเกิดจากอาการตกใจสุดขีดและความดันต่ำจนทำให้เกิดอาการช็อค

เวลาผ่านไป 2-3 ชั่วโมง ชัยก็ถูกย้ายไปห้องพิเศษ คุณเป้ก็โทรไปบอกญาติของชัยที่อยู่ที่กรุงเทพฯ คุณเป้นอนเฝ้าชัยอยู่ที่ห้องพิเศษห้องนั้นตลอดทั้งคืน พอช่วงสายๆ ของอีกวัน ชัยก็รู้สึกตัวพอตื่นขึ้นมา ชัยก็พยายามกวาดตามองไปรอบๆ ห้องด้วยความหวาดระแวง คุณเป้ก็ถามว่า

“มึงเป็นอะไร กูอยู่ตรงนี้แล้ว”

แล้วชัยก็นอนนิ่งไปอีกสองชั่วโมง คุณเป้ก็ถามชัยว่า “ดีขึ้นหรือยัง” ชัยก็บอกว่า “เริ่มจะโอเคขึ้นละ” คุณเป้ก็ถามต่อว่า “เกิดอะไรขึ้นวะ ไหนเล่าให้ฟังหน่อย…”

ชัยก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อวานตอนที่กำลังจะเดินออกไปที่ลานจอดรถ พอออกมาหน้าโรงแรมก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งโบกมือเรียกทันทีเลย ชัยก็คิดว่าต้องเป็นน้องคนนี้แน่ๆ ที่เพื่อนหามาให้ ชัยก็เลยเดินไปหา ลักษณะการแต่งตัวของผู้หญิงคนนี้คือจะใส่เสื้อแขนกระบอก ผ้าซิ่น ตอนนั้นชัยก็สงสัยว่าทำไมถึงแต่งตัวแบบนี้ หรือว่าจะมาแนวย้อนยุค แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร

“ป่ะ เข้าไปข้างในด้วยกัน” ชัยชวนน้องเข้าไปในโรงแรม

“หนูจะเข้าไปได้เหรอ เขาไม่ให้หนูเข้าหรอกมั้ง” น้องผู้หญิงคนนั้นตอบกลับมา

“อ้าว ทำไมเขาจะไม่ให้เข้าล่ะ”

“ก็ไม่รู้สิ หนูแต่งตัวแบบนี้ หน้าแปลก เขาคงไม่ให้หนูเข้า…”

ตอนนั้นชัยก็คิดว่าคงเป็นลูกเล่นของน้องเขา ชัยก็เลยพูดว่า “แล้วน้องจะให้พี่ทำยังไง น้องถึงจะยอมเข้าไป” เธอก็บอกว่า “พี่ลองขอพระภูมิดูสิ” ชัยก็คิดว่าล้อเล่น แต่ด้วยความที่ผู้หญิงคนนี้สวย สวยแบบว่าไม่น่าจะมาทำงานอะไรแบบนี้ ก็เลยตอบไปว่า “ได้ สบายมาก แค่นี้เอง” แล้วชัยก็พูดขอกับศาลพระภูมิว่า

“เจ้าที่เจ้าทาง ลูกช้างมาพักอาศัยที่นี่ มาใช้บริการโรงแรมนี้อยู่ วันนี้ลูกช้างมีเพื่อนจะมาอยู่ด้วย ขอให้เจ้าที่เจ้าทางเปิดทางให้เพื่อนลูกช้างเข้าไปด้วยเถิด…”

พอชัยพูดจบ น้องผู้หญิงคนนั้นก็ยิ้มให้ชัย และก็หันไปทางศาลแล้วก็ยิ้ม แล้วเดินตามชัยเข้าไปในโรงแรมที่ห้อง 305

พอมาถึงห้อง ชัยกับน้องผู้หญิงก็พูดคุยกันนิดหน่อย หรี่ไฟ จับไม้จับมือ น้องผู้หญิงก็ขัดขืนนิดหน่อยแต่ก็ไม่พูดอะไร ทีนี้ชัยก็หอมแก้มน้องเขา แต่ว่าแก้มของน้องนั้นเปียกๆ ชัยก็คิดว่าคงเป็นหงื่อ แล้วชัยก็ใช้ปากงับที่หูน้องเขาเบาๆ แต่ว่าหูน้องผู้หญิงนั้นหลุดติดปากของชัยมา! ชัยก็ตกใจ พ่นทิ้ง แล้วถอยหลังกรูออกมา

ตรงหัวเตียงจะมีไฟดวงเล็กๆ อยู่ ชัยลองเพ่งมองผู้หญิงคนนั้นดีๆ ก็เห็นเป็นรอยแผลเหมือนถูกคมมีดปักตรงกลางหน้าผาก และเลือดก็ค่อยๆ ไหลออกมาเต็มหน้า ผู้หญิงคนนั้นลุกพรวดขึ้นมาหาชัย และพูดว่า

“กูอยู่ของกูดีๆ มึงมาทำร้ายกู ตอนนี้กูจะเอามึงคืน!”

ว่าแล้วร่างนั้นก็พุ่งตรงเข้ามาหาชัย แล้วบีบคอ ชัยก็ตกใจสุดขีด นึกถึงครูบาอาจารย์แล้วก็หมดสติไป มารู้สึกตัวอีกทีก็ที่โรงพยาบาลนี่แหละ

หลังจากนั้น ชัยก็นอนอยู่โรงพยาบาลอีก 2-3 วัน พอออกจากโรงพยาบาลก็ไปวัดให้พระรดน้ำมนต์ จ้างหมอมาทำบายศรีและทำพิธีขอขมา พระอาจารย์บอกชัยว่า

“อาตมาอยากให้โยมบวชให้เขา เพราะโยมเอาของมีคมไปปักหน้าเขาแบบนั้น เขาเจ็บปวดมาก”

หลังจากนั้นชัยก็ตัดสินใจบวชหนึ่งพรรษา หลังจากสึกออกมา ชัยก็เข็ดมาจนถึงทุกวันนี้ นิสัยเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากแต่ก่อนที่เป็นคนกระโชกโฮกฮาก แต่ตอนนี้กลายเป็นคนเรียบร้อยไปเลย และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด

ขอขอบคุณที่มา: รวมเรื่องน่ากลัว The Shock

error: Content is protected !!