กฎแห่งกรรม: ตอน…ตะพาบน้ำ

ลูกพี่ลูกน้องของข้าพเจ้าคนหนึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลของรัฐบาลในต่างจังหวัด ไม่นานมานี้ข้าพเจ้ามีโอกาสไปเยี่ยมเยียน หมอน้องชายเล่าเรื่องแปลกของคนไข้รายหนึ่งให้ฟัง ซึ่งน่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้คนละบาปได้ดี จึงขอเล่าสู่กันฟังต่อ…

โรงพยาบาลที่น้องชายทำงานอยู่เป็นโรงพยาบาลขนาดกลางประจำอำเภอ คนไข้ไม่มากนัก เพราะคนที่พอมีฐานะสักหน่อย หากอาการน่าเป็นห่วงก็มักจะส่งตรงโรงพยาบาลจังหวัดหรือโรงพยาบาลใหญ่ในกรุงเทพฯ ฉะนั้นหมอน้องชายจึงต้องรับหน้าที่เป็นทั้งผู้อำนวยการโรงพยาบาล เป็นแพทย์เฉพาะทางทุกโรค เป็นศัลยแพทย์ผ่าตัดและแม้กระทั่งเป็นแพทย์เวร

การสนทนาตอนหนึ่ง หมอน้องชายเล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่เป็นหมอมาไม่เคยเห็นผู้ป่วยรายใดต้องผ่าตัดทุลักทุเลซ้ำซากอย่างนี้เลย สามปีต้องตัดห้าครั้งและหนักหนายิ่งขึ้นทุกครั้ง ผู้ป่วยรายนี้ชื่อบุญมา ครั้งแรกที่เข้าโรงพยาบาลก็เพื่อมาทำแผลที่นิ้วก้อยที่ถูกตะพาบน้ำกัด หมอให้ทายากินยาแก้ปวดแก้อักเสบแล้วกลับบ้าน ดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอีก

ครึ่งเดือนต่อมา บุญมากลับมาใหม่ แผลเก่าอักเสบรุนแรงบวมใหญ่ หมอตรวจพบว่าเชื้อโรคกินเข้ากระดูก จะต้องตัดนิ้วเพื่อไม่ให้เน่าลุกลาม ซึ่งนิ้วเท้านั้นอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้

หลังจากนั้นครึ่งปี บุญมาไปเที่ยวชายทะเล เขาถูกตะพาบน้ำกัดที่นิ้วเท้าอีก อะไรจะเจาะจงได้ถึงอย่างนั้น นิ้วเท้าของบุญมาที่ถูกตะพาบน้ำกัดครั้งที่สองอักเสบบวมใหญ่ภายในเวลาสองวัน เมื่อมาฉายเอกซเรย์ที่โรงพยาบาลก็ได้พบอีกว่า เชื้อโรคกินเข้าไปถึงกระดูกหมด จึงต้องตัดนิ้วเท้าของเขาไปอีกหนึ่งนิ้ว

เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งปี บุญมากลับมาที่โรงพยาบาลอีก ครั้งนี้แผลเก่าทั้งสองแห่งเกิดอักเสบบวมใหญ่ขึ้นพร้อมกัน พอเอกซเรย์ก็พบว่าแย่แล้ว! เชื้อโรคแพร่เข้าไปกินกระดูกอย่างรุนแรง เชื้อโรคนั้นกำลังกลายเป็นมะเร็ง จะต้องผ่าตัดฝ่ามือฝ่าเท้าออกให้หมดก่อนที่จะลุกลามขึ้นไปอีก บุญมาต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลถึงยี่สิบกว่าวันด้วยสภาพของผู้ป่วยด้วน

วันหนึ่งลูกชายของญาติอุปสมบท บุญมาไปช่วยงาน คืนนั้นผู้ร่วมงานบวชนอนค้างที่วัดกันสี่ห้าสิบคน เคราะห์หามยามร้ายของบุญมายังไม่จบสิ้น หนูตัวหนึ่งเจาะจงมากัดตรงขาด้วนของบุญมาคนเดียว กัดแล้วก็หนีไป บุญมาสะดุ้งตื่นด้วยความเจ็บปวด คนที่นอนอยู่ด้วยกันตกใจกับเสียงร้องพากันตื่นหมด

แผลที่หนูกัดไม่กว้างไม่ลึกนัก มีเลือดซึมออกมา แต่ทุกคนพากันตกใจที่อยู่ดี ๆ ทำไมจึงมีหนูมากัดคนนอนหลับ เพราะหนูจะกัดกินก็เฉพาะศพเท่านั้น ไม่กัดกินคนเป็น ๆ

บุญมาขวัญเสีย ถูกเคราะห์กรรมซ้ำเติมจนคิดว่าตนคงจะต้องตายในไม่ช้า มันทารุณจิตใจมาก ไม่นานต่อมาเกิดอาการเจ็บคันบริเวณแผลเก่าที่มือที่เท้าอีก บุญมารีบมาหาหมอที่โรงพยาบาลโดยเร็ว ผลการฉายเอกซเรย์ปรากฏว่า เชื้อมะเร็งกินลึกเข้าไปมาก หมอจำเป็นต้องจัดการตัดแขนขาทั้งท่อนของบุญมาทิ้งไป

หมอน้องชายซึ่งเป็นเจ้าของคนไข้แปลกใจในชะตากรรมของบุญมานัก จึงสอบถามประวัติอย่างละเอียดอีกครั้งไว้ และได้ความว่า บุญมาชายอายุสี่สิบสามปี อาชีพเกษตรกรรมและรับจ้างก่อสร้าง ชอบดื่มเหล้าเป็นประจำ ชอบแกล้มเหล้าด้วยปลาน้ำจืด โดยเฉพาะชอบกินเต่า กินตะพาบ

บุญมาเคยได้ยินมาว่า ใครกินตะพาบน้ำได้สิบถึงยี่สิบตัวแล้ว ตลอดชีวิตจะไม่เป็นโรคไขข้ออักเสบอีก ทั้งยังช่วยบำรุงไต บุญมาจึงเพียรหาตะพาบน้ำมาผัดเผ็ดแกล้มเหล้าขาว บุญมากินตะพาบน้ำมาแล้วเกือบยี่สิบปี นับไม่ได้แล้วว่ากินเข้าไปได้กี่ตัว

วันหนึ่ง บุญมาซื้อตะพาบน้ำตัวใหญ่จากตลาดมา ตะพาบน้ำตัวนี้น้ำหนักตั้งสิบกิโลกรัมกว่า เขาดีใจมาก ตัวใหญ่ขนาดนี้ฆ่ากินทีเดียวไม่หมด จะต้องค่อย ๆ กิน ที่บ้านไม่มีตู้เย็นให้แช่เก็บได้ จึงต้องกินผ่อนทีละน้อย ตะพาบน้ำเป็นสัตว์อายุยืน อดทนไม่ตายง่าย ๆ ไม่ว่าจะถูกกักขังอยู่ในสภาพใดก็อดทนมีชีวิตอยู่ได้เป็นปี

บุญมาเห็นแก่กิน ไม่นึกถึงว่าตะพาบจะต้องทนทุกข์ทรมา นนานเพียงไร ต้องเจ็บปวดแสนสาหัสครั้งแล้วครั้งอีก เขาตัดเฉือนเนื้อตะพาบส่วนต่าง ๆ ตามความพอใจมาปรุงอาหารทีละชิ้น ๆ บาดแผลรอบตัวตะพาบเขาทาด้วยปูนแดงที่กินกับหมากเพื่อไม่ให้เนื้อตัวตะพาบเน่า

ตะพาบตัวนั้นต้องทนทุกข์ทรมา นอยู่นานกว่าครึ่งเดือน จากนั้นบุญมาจึงประหา รเอามากินเป็นมื้อสุดท้าย บุญมาพอใจกับวิธีที่จะได้กินเนื้อตะพาบสด ๆ ทุกวันอย่างนี้เรื่อยมา

ผลสรุปประวัติผู้ป่วยที่โรงพยาบาล บันทึกไว้ในตอนท้ายมีอยู่ประโยคหนึ่งว่า เป็นประวัติที่แสดงให้เห็นกรรมตามสนองอย่างไม่น่าเชื่อ ที่ไม่มีข้อสรุปชัดเจนในทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ปัจจุบัน

ป.ล. คุณควรตระหนักถึงการกระทำที่คุณได้ทำอยู่ในทุกวันนี้ ถึงผลดีและผลร้ายที่คุณได้กระทำลงไป มันจะส่งผลกลับมาหาคุณเอง ที่เรียกกันว่า “กรรมตามสนอง” นั้นเอง

error: Content is protected !!