กระทู้พันทิป | “คืนฟ้าแลบ” เรื่องเล่าจากเพื่อน

สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านนะครับ เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ไม่ใช่เรื่องผี แต่เป็นเรื่องเล่าที่ผมอยากจะนำมาแชร์ให้อ่านเป็นอุทาหรณ์ครับ คือช่วงหลังๆ มานี้ผมได้คุยกับเพื่อนเก่าสมัยมัธยมคนหนึ่งที่ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่

มันชื่อตั้งครับ รู้จักกันมาตั้งแต่มอสี่ ประมาณอาทิตย์ก่อนมันมาเยี่ยมห้องผมพอดี คืนนั้นผมก็เลยเล่าเรื่องผีให้มันฟัง (มันชอบฟังเรื่องผีมากๆ) คุยไปคุยมามันก็เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังครับ

มันบอกว่าเรื่องนี้เป็นประสบการณ์จริงของแฟนมัน สมมติว่าชื่อ “เอ” นะครับ เหตุการณ์เกิดขึ้นสมัยที่เอยังเรียนอยู่ชั้นประถม น่าจะประมาณประถมห้าไม่ก็ประถมหกครับ เอเป็นลูกสาวคนเดียว เป็นลูกครึ่งไทย-จีน หน้าตาน่ารักสมวัย เอพักอยู่แถบชานเมืองกับพ่อแม่ บ้านของเอเป็นบ้านชั้นเดียว แล้วห้องนอนของเอก็อยู่ติดกำแพงบ้านพอดี แถมกำแพงก็ค่อนข้างเตี้ยอีกด้วย

ตรงหน้าต่างห้องนอนจะมีม่านอยู่ โดยปกติเอจะปิดม่านไว้ตลอด แต่ไม่ได้ปิดหน้าต่าง คือมันจะมีประตูมุ้งลวดอยู่และมันล็อกไม่ได้ เอาไว้แค่กันพวกแมลง แต่ก็ยังสามารถให้ลมจากข้างนอกพัดเข้าห้องมาได้อยู่ เหมือนให้อากาศถ่ายเทสะดวกอะไรประมาณนั้นครับ

ทีนี้อยู่มาคืนหนึ่ง เอกำลังจะหลับ พอมองไปที่หน้าต่างก็เห็นม่านกำลังขยับคล้ายๆ กับโดนลมพัด เอก็ไม่คิดอะไรเพราะว่าเห็นจนชินแล้ว วันไหนมีลมแรงๆ ก็จะเป็นแบบนี้แหละ แต่วันนี้ที่แปลกคือเวลาเอมองผ่านม่านออกไป จะเห็นแสงสว่างแวบๆ มาเป็นระยะๆ คือเอบอกว่าเพียงชั่วพริบตาข้างนอกมันจะสว่างจ้าไปหมด เอก็เลยคิดในแง่ดีว่ามีฟ้าแลบ พายุน่าจะเข้า

ด้วยความที่ยังไม่ค่อยง่วง เอก็เลยนึกถึงที่เคยเรียนว่าถ้าเห็นฟ้าแลบแล้วจะได้ยินเสียงฟ้าร้องตามมา แล้วเอก็จำได้ว่าเสียงฟ้าร้องจะมาภายในสิบวินาที ทีนี้พอเห็นแสงนั่นอีกครั้ง เอก็เลยลองนับในใจดู

…แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆ ตามมาอย่างที่คิด

เอรู้สึกแปลกใจอยู่พอสมควร ได้แต่นอนดูแสงแวบๆ พวกนั้นท่ามกลางผ้าม่านที่ยังคงพลิ้วไหวไปมา แต่กระนั้นเอก็ไม่ได้รู้สึกเย็นสบายแต่อย่างใด ไม่รู้สึกด้วยซ้ำว่ามีลมพัดเข้ามาในห้อง แล้วด้วยความที่ยังเป็นเด็ก เอก็เลยไม่คิดอะไรมาก คิดแค่ว่าเสียงฟ้าร้องคงดังอยู่ไกลเกินกว่าจะเดินทางมาถึง จากนั้นเอก็ผล็อยหลับไป

พอคืนต่อมาเอก็เห็นเหมือนเดิมเลยครับ ภาพของผ้าม่านที่นูนเข้ามาแล้วพลิ้วไหวเป็นคลื่นเหมือนกับมีอะไรดันมาจากข้างนอก ตามมาด้วยแสงฟ้าแลบที่ไม่มีเสียงพวกนั้น เอนอนจ้องหน้าต่างอยู่พักใหญ่ ไอ้ตั้งมันบอกผมว่า เมื่อเอได้เห็นภาพนั้น มันทำให้เอรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก คล้ายๆ ว่าสิ่งที่เห็นนั้นช่วยให้เอนอนหลับลงได้ทั้งๆ ที่ยังไม่ง่วง

เอบอกว่าเป็นเห็นแบบนี้อยู่สามคืนติดกันเลยครับ ตื่นมาตอนเช้าก็ไม่มีร่องรอยฝนตกแต่อย่างใด แล้วเอก็ไม่ได้บอกพ่อกับแม่ด้วย เพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร

ทีนี้คืนที่สี่ทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติ ผ้าม่านก็อยู่นิ่งไม่ไหวติง แสงพวกนั้นก็ไม่มีอีกแล้ว คืนนั้นเอนอนรอว่ามันจะมาให้เห็นอีกมั้ย แต่ยิ่งรอนานเท่าไหร่มันก็ไม่มา เอก็เลยคิดว่าพายุลูกนั้นคงพัดผ่านไปแล้ว แต่เอก็ยังแอบคิดถึงมันอยู่นิดๆ เพราะเวลาที่มองแสงนั่นผ่านผืนผ้าม่านที่พลิ้วไหว มันทำให้เอนอนหลับได้ง่ายขึ้น และ ณ จุดนี้ไอ้ตั้งมันบอกผมว่า ตัวแฟนมันเองก็ยังอธิบายความรู้สึกไม่ถูกเหมือนกัน

แต่ทว่าคืนนี้เอกลับได้ยินเสียงคนเดินไปมาอยู่ข้างนอก มีเสียงผู้ชายคุยกันพึมพำๆ แทบตลอดทั้งคืน ทำให้เอรู้สึกกลัวจึงพยายามข่มตานอน แล้วก็เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้

เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นเช้าวันเสาร์ครับ เอตื่นสาย แล้วพอตื่นมาก็เห็นพ่อกับแม่นั่งคุยกับตำรวจอยู่หน้าบ้าน แต่ตอนนั้นเอก็ยังไม่รู้สึกตื่นตกใจอะไร จนกระทั่งพ่อกับแม่เรียกให้เอออกไปให้ปากคำกับตำรวจ ด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลจนเอสังเกตเห็นได้

มีตำรวจอยู่สองนาย แล้วก็เพื่อนบ้านที่เป็นคุณป้าอายุห้าสิบกว่าๆ อีกหนึ่งคน ตำรวจทั้งสองผลัดกันถามเอว่าช่วงสามสี่คืนที่ผ่านมาเห็นหรือได้ยินอะไรผิดปกติหรือเปล่า เอก็เล่าเรื่องฟ้าแลบที่เห็นให้ฟัง พวกตำรวจก็เอาแต่จดๆๆ ที่เอพูดลงในสมุดโน้ต

พอคุยเสร็จตำรวจนายหนึ่งก็เข้าไปตรวจในบ้าน ส่วนอีกคนออกไปตรวจนอกบ้านเหมือนพยายามหาร่องรอยอะไรสักอย่าง

ทันใดนั้นตำรวจนายหนึ่งก็เรียกพ่อกับแม่เอเข้าไปดูในห้องนอน เอเดินตามเข้าไป ตำรวจนายนั้นค่อยๆ ยื่นมือไปเปิดผ้าม่านที่ปิดอยู่ และภาพที่เห็นคือประตูมุ้งลวดกันยุงบานนั้น มันได้ถูกเปิดจนสุด และไม่มีใครรู้เลยว่าเปิดอยู่แบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว พ่อกับแม่เอตอนนั้นคือหน้าถอดสีเลยครับ ช็อกจนแทบทำอะไรไม่ถูก เป็นห่วงลูกมากๆ

หลังจากตำรวจไปแล้ว พ่อกับแม่ก็เรียกเอไปนั่งคุยกันบนเตียง แล้วก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง

พ่อกับแม่เอบอกว่า เมื่อคืนก่อนคุณป้าข้างบ้านแกกำลังจะเข้านอน (ห้องนอนแกอยู่ชั้นสอง) พอกำลังจะไปปิดหน้าต่าง สายตาแกก็เหลือบไปเห็นผู้ชายท่าทางแปลกๆ คนหนึ่งมายืนอยู่นอกหน้าต่างห้องเอ แต่แค่ยืนอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร เหมือนลังเลใจอะไรสักอย่าง ป้าแกรู้ว่าไม่ใช่คนในครอบครัว แล้วบวกกับท่าทางที่มีพิรุธแกก็เลยโทรแจ้งตำรวจ

คืนนั้นตำรวจมาถึงแต่คนร้ายดันไหวตัวทัน หนีไปได้ก่อน ตำรวจก็เลยมาคุยกับพ่อแม่เอ แต่พ่อแม่เอไม่อยากให้ไปปลุกเอเพราะคิดว่าเอนอนอยู่ เลยนัดตำรวจมาคุยเช้าวันถัดไปแทน ทั้งคืนพ่อของเอเลยตื่นอยู่ตลอด คอยเดินตรวจตรารอบบ้านเผื่อคนร้ายจะกลับมาอีก แต่ก็ไม่เจออะไร

โชคดีที่วันต่อมาตำรวจก็จับคนร้ายได้ เป็นชายวัยรุ่นต่างถิ่น พื้นฐานทางบ้านค่อนข้างเป็นคนมีฐานะ แต่มีนิสัยคือชอบขโมยชุดชั้นในผู้หญิง แล้วก็เคยโดนจับคดีแอบถ่ายอยู่สองสามครั้งก่อนจะถูกปล่อยตัวออกมา

ที่น่ากลัวที่สุดคือพอตำรวจไปค้นบ้านชายคนนั้น สิ่งที่พบคือกล้องถ่ายรูปแบบใช้แฟลช ที่ภายในมีเมมโมรีการ์ดบรรจุรูปถ่ายของเอเอาไว้หลายสิบรูป เป็นรูปถ่ายขณะที่เอกำลังนอนบนเตียง โดยถูกถ่ายผ่านช่องระหว่างผ้าม่านเข้ามา

ไม่มีใครอยากคิดเลยว่า ถ้าคืนนั้นป้าข้างบ้านไม่มาเห็นก่อน จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง…

ก็จบไปแล้วนะครับสำหรับเรื่องเล่าจากเพื่อนเรื่องนี้ ส่วนตัวค่อนข้างเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ตอนผมฟังเรื่องนี้ เนื้อเรื่องที่ดำเนินไปทำเอาผมขนลุก คิดไปต่างๆ นานา ว่าแสงฟ้าแลบนั้นมันคืออะไรกันแน่ แต่สุดท้ายก็จบลงแบบหักมุม และผมคิดว่าเรื่องนี้คงเป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่าน

ผมได้คุยกับแฟนของตั้งโดยตรงแล้วเกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมด จึงขออนุญาตนำมาเรียบเรียงและเขียนลงพันทิป โดยมีข้อแม้ว่าจะไม่เปิดเผยชื่อจริง หรือภูมิลำเนาของเจ้าของเรื่อง

หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่ชอบเปิดหน้าต่างนอนนะครับ คิดเห็นอย่างไรเข้ามาคอมเมนต์กันได้ครับ ขอบคุณทุกท่านจริงๆ ที่อ่านจนจบ สวัสดีครับ

ขอขอบคุณที่มา: เรื่องเล่าจากเพื่อน: ฟ้าแลบ

error: Content is protected !!